เมื่อวันที่ 24 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Pra Pramot Suttijittho” ได้โพสต์เผยแพร่ข้อความระบุในประเด็นที่ถูกกลุ่มบุคคลจำนวนหนึ่ง ข่มขู่จะฆ่ายิงให้เสียชีวิต และมีการคุกคาม ต่อมาได้สืบทราบว่าเจ้าของผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าวคือ พระปราโมทย์ สุทธจิตโต เจ้าอาวาสวัดโคกมะม่วง หรือ วัดโคกกระท้อน ม.2 ต.ควนปริง อ.เมืองตรัง ซึ่งเป็นวัดโบราณที่สร้างมาแล้วกว่า 300 ปี และเป็นวัดแห่งที่ 2 ของ จ.ตรัง ทำให้ลูกศิษย์และญาติโยมต่างเข้าไปแสดงความคิดเห็นให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก

 

ต่อมาผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางลงไปที่วัดโคกมะม่วง หรือ วัดโคกกระท้อน ได้พบกับ พระปราโมทย์ ก่อนจะสอบถามถึงประเด็นดังกล่าว พระปราโมทย์ เล่าว่า สาเหตุจากตั้งแต่ที่จำวัดแห่งนี้เมื่อ 4 ปีที่แล้ว หลังจากที่เข้ามาเป็นเจ้าอาวาสก็ได้จัดระเบียบวัดใหม่ทั้งหมด จนทำให้คนบางกลุ่มที่เคยได้ผลประโยชน์แอบแฝงจากวัด ทั้งปัจจัยงานศพ ปัจจัยบำรุงเมรุ โดยปัจจัยเหล่านั้นไม่ได้เข้ามาบำรุงวัดกลับเอาไปใช้จ่ายส่วนตัวทั้งหมด จนตัวเองได้นำเงินเหล่านั้นเข้ามาพัฒนาวัดทำให้เกิดความไม่พอใจของกลุ่มคนเหล่านั้น ซึ่งช่วงนั้นวัดก็ไม่ได้พัฒนาอะไรมาก พออาตมาเข้ามาก็ได้เปลี่ยนแปลงพัฒนาไปสู่แนวทางที่ดีขึ้น จากนั้นไม่นาน กลุ่มคนเหล่านั้นมีอยู่ประมาณ 3–4 คน ด่าทอตัวเองหยาบคายทำให้เสียหาย ที่ผ่านมาก็ให้โอกาสไปหลายครั้ง ก็เข้ามาขอขมาขอโทษ แต่ก็ยังคงกระทำอีกอย่างต่อเนื่อง จนกระทั้งมาถึงครั้งล่าสุดที่ต้องโพสต์เฟสบุ๊กเพราะกลุ่มคนเหล่านั้นได้ไปประกาศกับคนในหมู่บ้านและในวงสุรา ขู่ฆ่าว่าจะยิงอาตมาให้ตาย

 

“อาตมาถูกย่ำยีมาตลอด มาด่าทั้งต่อหน้า และลับหลัง มีการชี้หน้า ท้าต่อยบ้าง ใช้คำพูดที่หยาบคาย ฟังไม่ได้ มีการดูหมิ่นเหยียดหยามซึ่งครั้งนี้จะไม่ทน จะไปแจ้งความข้อหาหมิ่นประมาทและจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด หลังจากมีการโพสต์ผ่าน เฟซบุ๊ก ก็มีคนเข้ามาให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำให้บั่นทอนจิตใจ รู้สึกท้อและเหนื่อยที่ต้องมาเจอกับคนแบบนี้ ที่ผ่านมาก็ให้อภัยมาตลอด แต่ก็ยังเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก 3-4 ครั้ง ที่ผ่านมาก็ได้แจ้งเรื่องไปทางผู้นำชุมชนให้รับทราบ แต่บุคคลเหล่านั้นก็ยังคงกระทำอีก”

 

พระปราโมทย์ กล่าวอีกว่า ยอมรับว่าหวาดกลัว แต่ก็ไม่ได้วิตกมากเพราะเชื่อมั่นในการทำความดี แต่ไม่ใช่เมื่อเห็นเป็นพระแล้วจะทำอะไรกับพระก็ได้ เพราะพระไม่สู้อยู่แล้ว ที่กระทำไปเพราะอยากให้เป็นบรรทัดฐานเพียงเท่านั้น และให้กลุ่มบุคคลเหล่านั้นหยุดกระทำเช่นนี้อีก.