วันที่ 19 พฤศจิกายน ขณะที่ นางลั่นทม งุ่ยไก่ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 บ้าน กม.12 ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน กำลังตั้งจุดตรวจจุดสกัดด่านชุมชนเขาดิน ป้องกันต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองและการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จากประเทศเพื่อนบ้าน พบนางเอ้ มู อายุ 40 ปี แรงงานชาวเมียนพร้อมบุตรชายวัย 10 ขวบ ขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ 125 สีเทาแดง ทะเบียน 1 กฒ 3692 ประจวบฯผ่านมาโดยทั้งคู่ไม่สวมหน้ากากอนามัย เจ้าหน้าที่จึงเรียกให้หยุดเพื่อขอตรวจวัดอุณหภูมิและแจ้งให้สวมหน้ากากอนามัย แต่นางเอ้มีท่าทีพิรุธ จึงขอตรวจค้นถุงผ้าที่สะพายและใต้เบาะรถจักรยานยนต์พบกระท่อมผงจำนวน 8 ถุงน้ำหนักรวม 8 กิโลกรัม (กก.) นำตัวสอบสวน

เบื้องต้นผู้ต้องหาสารภาพว่าไปรับกระท่อมผงจากเพื่อนชาวเมียนมาด้วยกันโดยโทรศัพท์นัดหมายให้นำมาส่งที่ช่องทางธรรมชาติช่องตะแบกในราคาถุงละ 500 บาท นำไปจำหน่ายให้เอเย่นต์รายหนึ่งในราคา กก.ละ 1,000 บาท จากนั้นนำไปขายต่อให้กับแรงงานชาวเมียนมาที่โรงงานแปรรูปผลไม้กระป๋องแห่งหนึ่ง เนื่องจากช่วงนี้ราคาดีสาเหตุเพราะขาดแคลนอย่างหนักจากการปิดกั้นบริเวณชายแดนอย่างเข้มงวดนานกว่า 5 เดือน ทำให้ราคาซื้อขายกระท่อมผงในขณะนี้ กก.ละไม่ต่ำกว่า 3,000 บาท จากนั้นนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งดำเนินคดี

นางลั่นทม กล่าวว่าขณะนี้ได้ตั้งด่านตรวจในพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อป้องกันการหลบหนีเข้าเมือง หลังจากพบว่าบริเวณช่องทางธรรมชาติที่ปิดรั้วลวดหนามหีบเพลงมีการโค่นไม้ขนาดใหญ่ล้มทับเพื่อทำลายสิ่งกีดขวางและมีการเปิดช่องทางเดินเท้าและเส้นทางรถจักรยานยนต์เพิ่มอีกหลายจุดเพื่อหลบหนีเข้าเมืองและลำเลียงยาเสพติดผ่านชายแดน.