วันที่ 24 พ.ย.63 เวลา 14.00 น. ที่ บริเวณริมบึงบ้านบาโด หมู่ที่ 3 ต.ยุโป อ.เมืองยะลา จ.ยะลา พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ ผบก.ภจว.ยะลา พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุทธิเวท บุญยรัตกลิน รอง ผบก.ภ.จว.ยะลา และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.ยะลา  ควบคุมตัว 2 พี่น้อง นายต่วนกูไซร์ กูปิ อายุ 28 ปี  และ นายต่วนเล๊าะ กูปิ อายุ 21 ปี  ผู้ต้องหาก่อเหตุคดีฆ่าอำพรางศพ นายต่วนสะมะแอ กูปิ อายุ 35 ปี ซึ่งเป็นพี่ชายผู้ต้องหา ทั้ง 2 คน  ชี้จุดโยนทิ้งศพเพื่ออำพรางคดีและจุดโยน ทิ้งอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ที่ใช้ก่อเหตุยิง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โดยไตร่ตรองไว้ก่อน/มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและ ซ่อนเร้นย้ายหรือทำลายศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย ขณะที่น้องชายถูกแจ้งข้อหา ร่วมกันซ่อนเร้นย้ายหรือทำลายศพ เพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย 

 

สำหรับประวัติของ นายต่วนสะมะแอ กูปิ อายุ 35 ปี อยู่ต.พร่อน อ.เมืองยะลา จ.ยะลา ซึ่งเป็นผู้เสียชีวิต เคยเข้าเรือนจำในคดียาเสพติด และถูกปล่อยตัวออกมาประมาณ 1 ปี แล้วได้ออกรับจ้างทั่วไปแถวบ้าน ซึ่งยังไม่เลิกเสพยาเสพติด เสพยาเป็นประจำ เกิดอาการคลุ้มคลั่งอาละวาด ทำร้ายร่างกายบุคคลภายในครอบครัว ทำลายข้าวของอยู่บ่อยครั้ง จนญาติพี่น้องเอือมระอา

 

พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ ผบก.ภจว.ยะลา กล่าวว่า หลังจากที่พบศพ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พยายามพิสูจน์ทราบให้ได้ว่า ใครเป็นใคร ทำทุกวิถีทาง เพื่อจะหาข้อมูลต่างๆ สุดท้าย เราก็ได้ทราบว่า คนร้ายคือใคร หลังจากที่เราทราบว่าเป็นใครแล้ว เราก็หาหลักฐานอื่น เพื่อประกอบว่าทำไมเขาถึงเสียชีวิต ใครทำให้เขาเสียชีวิต และเราก็สามารถทราบว่า เขาอยู่ที่ไหน อย่างไร ส่วนรายละเอียดต่างๆเราค่อยว่าอีกที ว่าที่มาที่ไปจะอย่างไร ตอนนี้ยังไม่มีการควบคุมตัว ตอนนี้แค่เชิญตัวเข้ามาสอบถามรายละเอียดต่างๆ จากที่เขาให้การถือเป็นประโยชน์ว่าเขาได้ทำอะไรไปบ้าง สาเหตุเกิดมาจากคับแค้นใจ ในตัวผู้เสียชีวิต ชอบติดยาเสพติดและทำร้าย บุพการีพ่อแม่ และก็พี่น้องที่บ้าน รวมทั้ง เผาบ้าน เผารถจักรยานยนต์ และก็ทำร้ายคนในบ้าน และก็ทำร้ายคนอื่นด้วย

 

ทางด้ายนายต่วนกูไซร์ กูปิ อายุ 28 ปี ผู้ก่อเหตุเล่าว่า ตนเองกลัวสุดๆทำร้ายพ่อ-แม่ทำร้ายหลาน ไม่ใช่ว่าครั้งสองครั้ง แต่คนในหมู่บ้านกลัวหมด เวลาขาดยามีอาการคลั่ง ต้องการเสพยา ถ้าไปขอเงินที่แม่ ถ้าแม่ไม่ให้เงินเกิดอาละวาด อยากได้รถมอเตอร์ไซค์ถ้าแม่ไม่ให้ก็อาละวาดสุดๆแล้ว สำหรับแผลบนหัวของพี่ชาย ตนเองไม่ได้ทำ แต่เป็นฝีมือของหลานทำ เพราะว่าอยู่ดีๆพี่ชายเขาก็มาทุบตีหลาน หลานอายุแค่ 15 ปีเท่านั่นเอง หลานมาจาก อ.เบตง เมื่อเห็นหลานหน้าบ้านไม่ยอมจอดรถ พี่ชายเขาก็เรียกมาทุบต่อยทันที สำหรับพี่ชายที่เสียชีวิต ก็มีประวัติติดยาเสพติด เพิ่งออกจากเรือนจำประมาณ 1 ปีหลัง

 

จากนั้น พี่ชายก็เอาหลานไปในพื้นที่ อ.เบตง แล้วไปทำร้ายพี่ชายคนโตอีก ไปเตะต่อย พร้อมทั้งเอาขวานไปทำร้ายกับแม่ที่อยู่เบตง จนหลานทนไม่ไหวดูพ่อโดนทำร้าย หลานก็ได้ช่วยพ่ออีกทีก็มีบาดแผล ก็เลยไปรับที่เบตงกลับมาที่ยะลา เพราะว่าจะได้เคลียร์ปัญหาให้มันจบ แต่สุดท้ายก็ไม่ลงตัว จึงต้องตัดสินใจคนเดียว ทำคนเดียวไม่มีใครรู้ว่าตนจะทำอะไร ที่จริงตนจะเอาพี่ชายไปบำบัดยาเสพติดแต่เขาไม่ยอม ตนเองเลยใช้อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ จบปัญหาแค่นั้นเอง ตนเองฝากไว้ว่า เรื่องยาเสพติดไม่ใช่เรื่องเล่นๆ มันก็อยู่ที่ตัวคน แต่ว่าอย่าไปเล่นยาเสพติดดีที่สุด การเล่นยาเสพติดแล้วจุดจบเป็นแบบนี้แหละ ทำร้ายครอบครัว ทำร้ายพี่น้อง ทำร้ายสังคมหมดเลย สิ่งที่ทำในครั้งนี้ไม่ใช่ว่าดีนะ บอกไม่ถูกแต่นี่แหละที่ว่าเจ็บใจที่สุดคือการทำร้ายพ่อแม่ ทำร้ายทรัพย์สิน เผาบ้าน เผารถจักรยานยนต์ เผาที่ตนเองทำงาน เผาหมดทุกอย่าง เผาทรัพย์สินอะไรทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นของน้อง ของแม่ทำร้ายหมดทุกอย่าง ถ้าว่าเขาขออะไรแล้วไม่ได้ ทำร้ายคนอื่น นี้แหละคือโทษภัยคนติดยาเสพติด