จากกรณีที่นางจินดาหรา หรือ น้องเกล วศินทรัพย์ อายุ 31 ปี ชาว อ.ไชยา ได้ไลน์สดผ่านเฟซบุ๊ก ส่วนตัวของความช่วยเหลือหลังจากมีเพื่อนมารับนายโกศล เรืองดุก อายุ 45 ปี นักธุรกิจค้าหอยชื่อดัง อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานีไปดื่มเหล้าที่บ้านหลังหนึ่ง ใน อ.ไชยา ตั้งแต่คืนวันที่ 2 พ.ค.64 แล้วหายตัวไปติดต่อไม่ได้แจ้งตำรวจตามหาพบรอยคราบเลือดและร่องรอยลากนำร่างขึ้นรถท้ายรถกระบะหายไปเป็นปริศนาทิ้งเพียงหลักฐานรอยหยดเลือดเป็นทางยาวหลายกิโลเมตรและทางตำรวจได้เก็บหาหลักฐานเป็นภาพกล้องวงจรปิด พบรถยนต์คันต้องสงสัยที่ไปชนกับหลักแนวเขตวัดตะกรบ และชนเสาไฟฟ้า ก่อนที่จะลากร่างขึ้นรถอีกคันมุ่งหน้าสู่ทะเลดังที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

 

ล่าสุดเมื่อเวลา14.30น.วันที่ 4 พ.ค.64 พล.ต.ต.นันทเดช ย้อยนวล รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ลงพื้นที่ สภ.ไชยา โดยประชุมร่วมกับ พล.ต.ต.สาธิต พลพินิจ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี/พ.ต.อ.อรุณ ภารพบ ผกก.สภ.ไชยา และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องโดยประชุมความคืบหน้าของคดีนานประมาณเกือบ 3 ชั่วโมง

 

 

ภายหลังประชุมเสร็จให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่าตอนนี้วางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่ควานหาร่างและเบาะแสของคนร้าย ทั้งชุดสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 8 /กองปราบปรามและจากตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานีเข้าไปทุกจุดตามที่ได้รับเบาะแส ส่วนคนร้ายยังไม่สามารถบอกจำนวนได้อยู่ในระหว่างการทำงานโดยให้น้ำหนักทุกประเด็นให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานก่อนให้มีหลักฐานชัดเจนก่อน และตอนนี้ยังยืนยันไม่ได้ว่าผู้สูญหายยังมีชีวิตหรือไม่ตราบใดที่ยังไม่เห็นอะไรก็ยังไม่พูดดีกว่า

 

ขณะที่นางจินดาหรา หรือน้องเกล ภรรยาผู้สูญหาย ได้ร้องขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อ พล.ต.ต.สาธิต พลพินิจ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานีให้ดูแลเรื่องความปลอดภัยเพราะมีโทรศัพท์เข้ามาพูดจาในลักษณะเชิงคุกคาม โดยที่ ทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานีมอบให้ทาง พ.ต.อ.อรุณ ภารพบ ผกก.สภ.ไชยา ดำเนินการตามที่ร้องขอ และยืนยันในส่วนของคดีทำเต็มที่ตามพยานหลักฐานและข้อมูลที่ได้มา ซึ่งหน้าที่ของตำรวจต้องให้ความปลอดภัยและเป็นธรรมอยู่แล้ว ขอเวลาสักนิดเพราะเหตุการณ์เพิ่งเกิดจะเร่งคลี่คลายให้เร็วที่สุด

 

 

โดยนางจินดาหรา หรือ น้องเกล วศินทรัพย์   ภรรยาผู้สูญหาย กล่าวว่าเมื่อผู้หลักผู้ใหญ่ลงมาคลี่คลายคดีนี้ทำให้มีความหวังมากขึ้น แม้จะไม่มั่นใจว่าสามีจะยังมีชีวิตอยู่ตั้งแต่วันแรกที่เห็นรอยเลือดแล้วแต่ก็ยังมีความหวังอยู่บ้าง ส่วนการให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังให้การเหมือนเดิมเพราะทราบแค่นั้นและตอนนี้ยังหวาดหวั่นเรื่องความปลอดภัยอยากให้เจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลครอบครัวเพราะตอนนี้มีแต่เด็กและคนงาน 20 กว่าคนที่ขวัญเสียกันหมดคิดว่าไม่น่าปลอดภัย ไม่มีอะไรแน่นอนและถูกมองว่าตนเองเป็นคนทำให้เรื่องดังขึ้นมาเพราะไลน์สดเป็นสาเหตุทำให้เรื่องดังขึ้นมา มีนักข่าวเข้ามาติดตาม ถ้าตนไม่ลุกขึ้นมาสู้เรื่องอาจจะเงียบและเมื่อคืนที่ผ่านมาโทรศัพท์เข้ามาบอกว่าขอให้การกับตำรวจโดยเจาะจงว่าให้พูดชื่อนี้เป็นคนร้าย ซึ่งตนเองตอบไปว่าให้การแบบนั้นไม่ได้เพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์และไม่ได้เห็นกับตาและไม่ทราบว่าคนๆนั้นเป็นใคร

 

ขณะเดียวกันมีรายงานข่าวแจ้งว่าในวันพรุ่งนี้ ( 5 พ.ค.64 )พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอาจจะเดินทางลงพื้นที่ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อคลี่คลายคดีนี้ด้วยตัวเอง