วันที่ 3 ก.ค.64 พ.ต.ท.เกียรติก้อง หนูจันทร์ สว.(สอบสวน) สภ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่าเมื่อช่วงหัวค่ำที่ผ่านมา (2 ก.ค.) ได้รับแจ้งว่ามีเหตุยิงกันตายบนถนนลูกรังภายในหมู่บ้านเขาพับผ้า หมู่ 11 ต.สี่ขีด อ.สิชล  จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ รามสวัสดิ์ ผกก.สภ.สิชล ,พ.ต.ท.ประยุทธ ศิมาธรรม รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.  สุรินทร์ ชูศรี รอง ผกก.(สอบสวน) พ.ต.ต.ภูรินท์ เพชรที่วัง สว.สส.  และนายสุทิน ทองเต็ม กำนันตำบลสี่ขีด แพทย์เวรจากรพ.สิชล และหน่วยกู้ภัยใต้เต็กสี่ขีด รีบรุดไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุ

 

 

ซึ่งในที่เกิดเหตุเป็นถนนลูกรังถนนแคบมีลำห้วยเล็กตลอดริมถนน  พบผู้เสียชีวิตนอนตะแคงขวา นอนบนถนน ทราบชื่อนายสุรเดช หรือเชษฐ์  ศิริรวม อายุ 42 ปี  34/1 หมู่ 11 สี่ขีด อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช มีบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนปืนลูกซองเข้าหัวไหล่ซ้ายด้านหลังทะลุหน้าอก 3 รู  ห่างจากศพประมาณ 3 เมตรพบรถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า สกูปี้ สีม่วงขาว หมายเลข คตบ-749   ล้มตะแคงอยู่บนถนน

 

จากการสอบสวนทราบว่าก่อนหน้านี้นายสุรเดช หรือเชษฐ์  ผู้ตาย ได้ไปพักอาศัยอยู่บ้านภรรยาที่ จ.อำนาจเจริญ ปัจจุบันได้กลับมาอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 2 ปี   ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถ จยย.คันเกิดเหตุ ไปซื้อของที่ร้านขายของชำปากซอย  หลังจากซื้อของเสร็จขับรถกลับบ้านเมื่อมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุก่อนถึงบ้านเพียง 100 เมตร มีคนร้ายไม่ทราบชื่อและจำนวนดักรอจนกระทั่งผู้ตายขับรถผ่านมาจึงออกไปดักและใช้อาวุธปืนลูกซองยิงในระยะประชิดจนพลัดตกจากรถ จยย.จมกองเลือดกเสียชีวิตคาที่ ก่อนคนร้ายหลบหนีไป

 

 

อย่างไรก็เจ้าทางเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ต้องรอเจ้าหน้าที่ระดับสูงมีร่วมตรวจสอบในที่เกิดเหตุจนถึงเวลา 21.30 น. จึงร่วมตรวจสอบทำแผลที่ในจุดเกิดเหตุอย่างละเอียดส่วนสาเหตุการตายน่าจะมาจากเรื่องหักหลังเรื่องยาเสพติด โดยชาวบ้านที่เป็นพยานให้การว่าในช่วงที่อยู่ที่ร้านขายของชำได้รับโทรศัพท์และพูดคุยกับใครคนหนึ่ง ซึ่งคาดว่าจะเป็นคนร้ายรายนี้ที่โทรศัพท์มาพูดคุยแต่ตกลงกันไม่ได้เมื่อทราบว่าผู้ตายออกมาซื้อของที่ร้านขายของชำจึงดักซุ่มยิงระหว่างทางกลับบ้านจนเสียชีวิตดังกล่าว

 

สำหรับผู้ตายช่วงหลังได้พัวพันกับแก๊งค้ายาเสพติด  จนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจปิดล้อมจับกุมแต่ก็หนีรอดพ้นมาหลายครั้ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าสาเหตุมาจากการขัดแย้งและหักหลังกันในแก๊งค้ายาเสพติด ซึ่งจะได้สอบสวนสืบสวนหาสาเหตุที่แน่ชัดและติดตามจับกุมมือปืนรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.