วันที่ 4 ส.ค.64 พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรไชยา จ.สุราษฎร์ธานีนำตัว 8 ผู้ต้องหาคดีอุ้มฆ่าถ่วงทะเลนายโกศล เรืองดุก นักธุรกิจค้าหอยและอาหารทะเลคนดัง อ.ไชยาเมื่อวันที่ 3 พ.ค.64 ฝากขังศาลจังหวัดไชยาหลังจากที่เข้ามอบตัวกับพ.ต.อ.อรุณพงษ์ ภารพบ ผกก.สภ.ไชยา เพื่อต่อสู้คดี ตามหมายจับศาลจังหวัดไชยา เมื่อวันที่ 2 ส.ค.64 ที่ผ่านมาโดยหลบหนีการจับกุมนานร่วม 3 เดือนประกอบด้วยนายสุรัตน์ เศวตศิลป์ อายุ 43 หัวหน้าแก๊ง พร้อมพวก 7 คน คือ นายคำธร  เศวตศิลป์ อายุ 32 ปี  /นายสุรชัย คงสุข อายุ 39 ปี /นายเกรียงไกร แสงสง่า อายุ 34 ปี /นายเจริญ  คะเชนทอง อายุ 56 ปี /นายจิรายุทธ  เศวตศิลป์ อายุ 24 ปี /นายทิวากร  เลื่องสุนทร อายุ 33 ปีและนายนพดล เศวตศิลป์ อายุ 33 ปี

 

 

ทั้งหมดถูกแจ้ง 5 ข้อหาประกอบด้วย1.ร่วมกันฆ่าผู้อื่น โดยไตร่ตรองไว้ก่อน2. ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต3.ร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยไม่มีเหตุอันควรและจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์4.ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปโดยมีหรือใช้อาวุธปืนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นจากจับกุมและ5.ร่วมกันลอบฝังซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย ตามประมวลกฎหมาย มาตรา 199, 288(4) 334, 335(1)(7),336ทวิ,371,83 และพระราชบัญญัติอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน มาตรา 7,8,72 ทวิ

ขณะเดียวกันทางนางจินดาหรา วศินทรัพย์ ภรรยานายโกศล ในวันนี้ก็ได้ยื่นเอกสารคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาต่อศาลจังหวัดไชยา หลังจากที่เมื่อวานนี้ได้ยื่นเอกสารคัดค้านการประกันต่อพนักงานสอบสวนที่ สภ.ไชยาแล้ว

 

 

ล่าสุดศาลจังหวัดไชยาได้มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้งหมดตามคำคัดค้านของพนักงานสอบสวนที่ให้เหตุผลว่า เป็นคดีอุกฉกรรจ์ มีอัตราโทษสูง หากผู้ต้องหาได้รับการประกันตัว เกรงว่าจะหลบหนี และไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน อีกทั้งพนักงานสอบสวน ยังต้องใช้เวลารวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีไปอีกระยะหนึ่ง

 

ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เปิดเผยว่า ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา ได้กดดันกลุ่มผู้ต้องหาอย่างหนัก ทั้งจัดชุดสืบสวนหาข่าว  ชุดติดตามไล่ล่าจนพบแบะแสการหลบหนีของกลุ่มผู้ต้องหา เป็นผลให้ผู้ต้องหาทั้ง 8 คนเข้ามอบตัวเมื่อวันที่ 2 ส.ค.ที่่ผ่านมา โดยจนถึงขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปแล้วอย่างมาก มั่นใจว่า แม้ขณะนี้ยังไม่พบศพของเสี่ยโกศล และ ผู้ต้องหาทั้งหมดยังให้การปฏิเสธ แต่เชื่อมั่นว่า จากพยานหลักฐานที่มีในขณะนี้ โดยเฉพาะพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่สามารถเชื่อมโยงกลุ่มผู้ต้องหาได้ทั้งหมด  จะสามารถเอาผิดกับผู้ต้องหากลุ่มนี้ได้อย่างแน่นอน

ด้านนางจินดาหรา วศินทรัพย์ ภรรยาเสี่ยโกศล กล่าวว่าเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมทางผู้ต้องหาจะต่อสู้ก็ว่ากันไปแต่อยากให้ยอมรับความจริงและขอให้บอกพิกัดจุดทิ้งศพเพื่อจะได้นำศพมาทำพิธีทางศาสนา

 

 

ทั้งนี้เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นข่าวโด่งดังขึ้นมาสืบเนื่องจากนางจินดาหรา วศินทรัพย์ อายุ 31 ปี ได้ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา ขอความช่วยเหลือให้ช่วยตามหา นายโกศล เรืองดุก อายุ 45 ปี สามีนักธุรกิจรับซื้อสัตว์น้ำอาหารทะเลและเรือประมงลากหอย ที่หายตัวไปขณะไปดื่มสุรากับเพื่อนที่ศาลาข้างบ้านเลขที่ 89 หมู่ 5 ต.ตะกรบ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี พบรอยเลือดลากเป็นทางยาวกว่า 60 เมตร และรองเท้าแตะ จึงสงสัยสามีถูกลวงออกไปทำร้ายในคืนวันที่ 2 พ.ค.

 

 

ต่อมา ตำรวจสืบทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสุรัตน์ เศวตศิลป์ อายุ 43 ปี พร้อมพวก 7 คน สาเหตุเกิดจากความขัดแย้งเกี่ยวกับธุรกิจลากหอย โดยก่อนเกิดเหตุ นายสุรัตน์ และนายโกศล ได้พากันไปเคลียร์ปัญหาความขัดแย้งแต่ไม่สามารถตกลงกันได้ จากนั้นนำศพไปฝังบ่อทรายในพื้นที่ ต.กรบ อ.ไชยา กระทั่งรู้ข่าวว่า ตำรวจทราบเบาะแสจึงทำการขุดศพนายโกศลขึ้นมาจากหลุม แล้วนำไปถ่วงด้วยเสาปูนนำออกไปทิ้งทะเลอ่าวไทย บริเวณหมู่เกาะอ่างทอง เพื่ออำพราง จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่พบศพนายโกศล แม้ว่าตำรวจระดับชั้นผู้ใหญ่คือพลตำรวจเอกสุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินำทีมลงมาคลี่คลายคดีนี้ด้วยตัวเองหลายครั้งก็ตามจนในที่สุดผู้ต้องหาทั้ง 8 คนทนแรงกดดันการตามล่าไม่ไหวจึงได้นัดแนะกันพากันเข้ามอบตัวเพื่อต่อสู้คดีตามกระบวนการของกฏหมาย.