เมื่อเวลา 21.30 น.วันที่ 7 มิ.ย.2565 ร.ต.อ.พจน์   ยอดพิจิตร รอง สว.(สอบสวน)สภ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งว่ามีเหตุยิงกันตายที่ข้างบ้าน ต.ทุ่งปรัง อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งแล้วจึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น จากนั้นได้พร้อมด้วย พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ รามสวัสดิ์ ผกก.สภ.สิชล,พ.ต.ท.บัณฑิต สุขะวิศิษฐ์ รอง ผกก.ป.,พ.ต.ท.สุรินทร์ ชูศรี รอง ผกก.(สอบสวน),ตำรวจชุดสืบสวน,แพทย์เวร รพ.สิชล และ จนท.อาสาสมัครมูลนิธิใต้เต๊กตึ้งสิชล ไปที่เกิดเหตุเพื่อร่วมกันทำการสืบสวนสอบสวนและชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

 

เมื่อไปถึงพบศพผู้เสียชีวิตชื่อนายนิเวศน์ อายุ 48 ปี อยู่บ้าน ต.ทุ่งปรัง อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช สภาพศพมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองยาวเข้าบริเวณ ใต้รักแร้ซ้าย 3 แผล ต้นแขนซ้าย 6แผล แขนขวา 2แผล รวม 11 แผล ศพนอนหงายเสียชีวิตลานพื้นดินข้างบ้านที่เกิดเหตุซึ่งเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ในชุดสวมเสื้อยืดคอกลมสีฟ้า นุ่งกางเกงขาสั้นสามส่วนสีเทา เลือดไหลนองเต็มพื้นดิน  ซึ่งจนท.ได้ค้นในตัวผู้ตายพบยาไอซ์ จำนวน 1 ถุง มูลค่า 500 บาท จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน บนพื้นดินข้างบ้าน พบกับข้าวอุปกรณ์ทำกับข้าววางอยู่บนพื้นดินข้างบ้าน ห่างจากศพประมาณ5เมตร โดยมี นส.เนาวรัตน์   ใจมั่น เมียวัย45ปี นั่งร่ำไห้อยู่ข้างศพ

 

สอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุ ขณะที่นายนิเวศน์ กำลังยืนทำกับข้าวบนพื้นดินข้างบ้าน เนื่องจากก๊าซหุงต้มหมด 5 วันแล้ว จึงออกมาใช้ไม้ฟืนนอกบ้านแทน  ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนแอบซุ่มในที่มืดได้ใช้อาวุธปืนลูกซองยาวยิงใส่ร่างนายนิเวศน์ จำนวน 1นัดกระสุนเจาะร่างพรุน 11 แผลทำให้นายนิเวศน์พยายามวิ่งหนีเข้าบ้าน แต่ไม่ทันถึงบ้าน ล้มฟุบตายลงก่อนถึงบ้าน ส่วนคนร้ายได้อาศัยความมืดและความชำนาญในพื้นที่หลบหนีไป

 

พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ รามสวัสดิ์ ผกก.สภ.สิชล เผยว่า ผู้ตายมีอาชีพกรีดยางและรับจ้างแทงปาล์มน้ำมันให้เจ้าของสวนปาล์มในพื้นที่ ประวัติผู้ตายเคยถูกตำรวจ สภ.สิชล จับกุมในข้อหาเสพยาเสพติดเนื่องจากตรวจพบฉี่สีม่วงมาแล้ว ส่วนสาเหตุน่าจะมาจากเรื่องที่มีชาวบ้าน 3 ราย ไปแจ้งกับผู้นำชุมชนว่าถูกผู้ตายไปขโมยผลปาล์มมาหลายครั้ง และทางผู้นำก็มาบอกผู้ตายแล้ว และหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญเจ้าของสวนปาล์มต้องสงสัยที่โดนขโมยล่าสุด ไปโรงพักแล้วเพื่อสอบสวนข้อมูลในเบื้องต้น และตรวจหารอยเขม่าดินปืน และอีก1สาเหตุอาจจะมาจากเรื่องยาเสพติด  ข่าวมีคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป