วันที่ 22 มิ.ย.65 เวลา 09.50 น. พล.ต.ต.นันทวุฒิ สุวรรณละออง ผบก. ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ได้เดินทางมาตรวจดูยังในสถานที่เกิดเหตุด้วยตนเอง กรณีเกิดเหตุการณ์นักการเมืองท้องถิ่น อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ใช้อาวุธไม้ไล่ตีหนุ่มขับรถบรรทุกจนศีรษะแตกและยังเกิดเหตุการณ์ต่อเนื่องระหว่างชุลมุนกันจนทำให้อาวุธปืนขนาด .22 ลั่นใส่แขนของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังเข้ามาระงับเหตุจนได้รับบาดเจ็บ 1 นาย เหตุเกิดเมื่อเวลา 00.10 น. ของเมื่อคืนที่ผ่านมา

 

ก่อนที่จะเรียกตัว สมาชิกสภาเทศบาลตำบลแห่งหนึ่ง มาสอบถามปากคำด้วยตนเอง ก่อนที่จะเรียกตัวคู่กรณีมาร่วมสอบปากคำพร้อมกันทั้งสองฝ่าย ต่อหน้าคณะพนักงานสอบสวนประกอบด้วย พ.ต.อ.สุพล  แสงทอง ผกก.สอบสวน ภ.จว.ฉะเชิงเทรา พ.ต.อ.พงศ์สัณห์ มีศรี ผกก. สภ.บ้านโพธิ์ และ พ.ต.ท.จักรภัทร ดาราพงษ์ รอง ผกก.สอบสวน สภ.บ้านโพธิ์  

 

โดยสมาชิกสภาเทศบาลตำบลแห่งหนึ่ง กล่าวว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาเวลาประมาณ 21.00 น. ที่บริเวณด้านหน้าโครงการก่อสร้างตึกอาคารพาณิชย์แบบ 5 ชั้น 5 คูหาที่บริเวณด้านข้างบ้านพักของตนเอง ได้มาพบเห็นว่ามีรถยนต์บรรทุกขนาด 6 ล้อไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ได้ขับเข้ามาจอดอยู่ภายพื้นที่บริเวณหน้าไซด์งานก่อสร้างซึ่งเป็นพื้นที่ดินของตน ตั้งอยู่เรียบชายถนนสายบ้านโพธิ์-ดอนสีนนท์ และจอดอยู่เป็นเวลานานจนถึงช่วงกลางดึกเลยจากเที่ยงคืนไปแล้วก็ยังไม่ยอมขับออกไปจากพื้นที่

 

หลังสอบถามหาเจ้าของนานเป็นชั่วโมงกลับไม่มีใครทราบ ตนจึงได้โทรศัพท์แจ้งไปยังทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านโพธิ์ ให้เข้ามาตรวจสอบหาผู้เป็นเจ้าของรถว่าเป็นใครมาจากไหน และมาจอดทำอะไร เนื่องจากตนเองเกรงว่าอาจจะเป็นคนร้ายที่จะเข้ามาขโมยทรัพย์สิน หรือวัสดุก่อสร้าง ที่เคยเกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เพราะอาคารพาณิชย์ของตนนั้นได้เริ่มก่อสร้างมาประมาณ 1 ปีที่ผ่านมาได้มีทรัพย์สินหายไปหลายครั้ง จนต้องเปลี่ยนช่างผู้รับเหมามาแล้วถึง 5 ราย

 

จนกระทั่งฝ่ายคู่กรณีมาปรากฏตัว ก่อนที่จะสอบถามว่ามาทำอะไร จะมาขโมยของหรือไม่ จึงได้หยิบฉวยท่อนไม้ในบริเวณดังกล่าวไล่ตีจนถูกศีรษะ 1 ครั้ง ในขณะที่คู่กรณีพยายามที่จะวิ่งหลบหนี ตนจึงได้ชักอาวุธปืนขนาด .22 ซึ่งเป็นปืนมีทะเบียนของตนเองออกมา แต่ได้ถูกทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 4 นาย แย่งเอาอาวุธปืนจากตนไป และเกิดการชุลมุนจนเกิดเหตุปืนลั่นใส่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกระสุนเข้าที่กลางแขนซ้ายจนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว

 

โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการปกป้องทรัพย์สินของตนเอง และพื้นที่เกิดเหตุนั้นยังอยู่ภายในบริเวณบ้านของตนอีกด้วย โดยตนไม่ได้ยิงปืนใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงอยากขอร้องให้ทาง ผบก.ฉะเชิงเทรา ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมาเก็บเขม่าดินปืนจากตน และจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 4 นายด้วย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม โดยตนเองนั้นเป็นนักการเมืองท้องถิ่นและได้รับการเลือกตั้งมาโดยตลอดนับตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ.2529 จนมาถึงในปัจจุบันก็ยังได้รับการเลือกตั้งมาเป็น สท.ต่อเนื่องกันอีกสมัย

 

ขณะที่ฝ่ายคู่กรณี กล่าวว่า ตนเองได้ขับรถบรรทุกมาจากไซด์งานในเขตพื้นที่บางนา กทม. เพื่อมาหาแฟนสาว (ชาวกัมพูชา) ซึ่งเป็นคนงานก่อสร้างอยู่ที่ไซด์งานก่อสร้างตึกแห่งนี้ โดยได้มาถึงในช่วงเวลาประมาณ 19.00 น. เศษ และขณะที่กำลังนอนอยู่กับแฟนบนตึกได้ยินเสียงเรียกหาเจ้าของรถดังโวยวายขึ้น จึงได้งัวเงียตื่นขึ้นมา และหลังจากลงมาจากตึกแล้ว ทาง สท.ได้ถามว่า “มึงออกมาแล้วหรือๆ ทำไมเรียกตั้งนานแล้วจึงเพิ่งออกมา” จากนั้น สท.ได้ใช้มือตบมาที่ศีรษะ

 

ก่อนที่ตนจะยกมือขึ้นพนมไหว้เพื่อขอโทษพร้อมบอกว่า “ผมยอมกลับแล้ว เพียงแค่อยากมาหาแฟนเฉยๆ” แต่ทาง สท.คู่กรณีไม่ฟัง ทั้งยังมีการชักปืนออกมาวิ่งไล่ตนด้วย ตนจึงได้พยายามที่จะวิ่งหลบหนีไปจนรอบตัวรถ ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาตามหาว่าใครเป็นเจ้าของรถอยู่ก่อนหน้า จากนั้นจึงมีเสียงปืนดังขึ้น ซึ่งครั้งแรกตนเองเข้าใจว่าถูกยิงเข้าแล้ว แต่กลับไม่ใช่กลายเป็นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกกระสุนปืนยิงเข้าที่แขนดังกล่าว

หลังจากนั้นตนยังถูกถีบจนล้มลง และนายสิงห์ชัย ยังได้คว้าไม้มาตีที่ศีรษะตนจนได้รับบาดเจ็บ โดยสาเหตุที่รถไม่ได้ติดแผ่นป้ายทะเบียน เนื่องจากยังเป็นรถใหม่ ที่ยังไม่มีแผ่นป้ายทะเบียน และตนไม่ได้ตั้งใจที่จะมาขโมยของแต่อย่างใด

 

ด้าน พล.ต.ต.นันทวุฒิ กล่าวว่า คดีนี้ได้สั่งการให้ พ.ต.ต.พานุรักษ์ เรืองขำ พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนปากคำผู้เกี่ยวข้องอย่างละเอียดทุกราย พร้อมทั้งยังได้ให้ทาง ผผก.สอบสวน ภ.จว.ฉะเชิงเทรา มาร่วมทำคดีนี้ด้วย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายมากที่สุด โดยเฉพาะเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บด้วย ซึ่งตนนั้นยอมรับไม่ได้ จึงต้องทำตามกระบวนการทางกฎหมายเพื่อให้เกิดความจริงปรากฎขึ้นมากที่สุด

 

ส่วนอาการของ ส.ต.ต.อานุภาพ โฉมหน่าย อายุ 29 ปี ผบ.หมู่งาน ป.สภ.บ้านโพธิ์ นั้นถูกยิงที่กลางท่อนแขนด้านซ้าย ได้รับบาดเจ็บ โดยการแจ้งข้อกล่าวหานั้น หลังจากการสอบสวนปากคำอย่างละเอียดทั้งหมดแล้ว จะดูในเรื่องเกี่ยวกับข้อหาการทำร้ายร่างกายต่อคู่กรณี และเกี่ยวกับเจตนาในการใช้อาวุธปืนว่ามีเจตนาหรือไม่ หรือเป็นเหตุเกิดที่ขึ้นจากความประมาท โดยจะมีการดำเนินการอย่างเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเหตุการณ์นี้ทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บด้วย หลังจากได้รายงานไปยังผู้บังคับบัญชาทราบแล้ว ได้สั่งการให้ใช้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์อย่างเต็มรูปแบบ ในการทำให้เกิดความเป็นธรรมต่อคดีที่เกิดขึ้นกับทุกฝ่ายให้มากที่สุด พล.ต.ต.นันทวุฒิ กล่าว