วันที่ 11 เม.ย. 66 นายพร้อมชาย สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผอ.สนง.ศุลกากรภาคที่ 2 ได้แจ้งผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนและปราบปราม สำนักงานศุลกากรภาคที่ 2 นำโดยนายชนินทร์ ศุภรินทร์ ผู้อำนวยการส่วนควบคุมทางศุลกากรและนายภาคิน เทียบคำ หัวหน้าฝ่ายสืบสวนและปราบปราม ซึ่งได้ลงพื้นที่สืบสวนปราบปรามการกระทำผิดในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ศุลกากรด่านช่องจอม ด่านช่องสะงำ ทำการตรวจค้นสถานที่เป้าหมาย 4 แห่งในพื้นที่ จ.สุรินทร์ และ จ.ศรีสะเกษ ที่คาดว่าจะมีการลักลอบนำสินค้าผิดกฎหมายศุลกากรเข้าประเทศ โดยเฉพาะสินค้าประเภทบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

 

ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบทั้ง 4 แห่ง พบว่าผู้ประกอบการเปิดเป็นร้านจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง มีทั้งจำหน่ายในร้านและออนไลน์ จึงทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมด 8,809 ชิ้น มูลค่ารวม 5 ล้านบาท โดยสินค้าประเภทบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้านั้นถือเป็นสินค้าต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักรตามประกาศกระทรวงพาณิชย์เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาราชอาณาจักร พ.ศ.2557 และเป็นสินค้าต้องห้ามนำเข้าหรือส่งออก ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 โดยการจำหน่ายของซึ่งตนรู้ว่าเป็นความผิดดังกล่าวเป็นความผิดตามมาตรา 246 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของรวมค่าอากร หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งผู้ประกอบการที่นำมาจำหน่ายยินยอมระงับคดีในชั้นศุลกากร.