วันที่ 23 ก.ย.66 เวลา 00.10 น. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากญาติของผู้ป่วยซึ่งมานอนเฝ้าไข้อยู่บนตึกชั้น 5 อาคารอายุรกรรมของ รพ.ชื่อดังแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่กลางใจเมืองฉะเชิงเทรา ว่า เมื่อเวลาประมาณ 23.15 น. ได้เกิดเหตุมีชายอายุ 20 ปี ได้แอบเข้าไปยังภายในห้องน้ำหญิง ที่บริเวณชั้น 5 ของอาคารดังกล่าวก่อนที่จะใช้โทรศัพท์มือถือสอดเข้าไปยังที่บริเวณใต้บานประตูของห้องน้ำที่มีช่องสูงจากพื้นขึ้นมาประมาณเกือบ 10 ซม.

และถ่ายคลิปภาพในขณะที่หญิงสาวรายหนึ่งวัยประมาณ 28 ปี ที่ได้มานอนเฝ้าไข้ผู้ป่วยอยู่ภายในตึกชั้นเดียวกัน ก่อนที่หญิงสาวจะส่งเสียงร้องโวยวายเพื่อขอให้คนเข้าไปช่วย สุดท้าย จนท.และบรรดาญาติของผู้ป่วยได้ช่วยกันทำการควบคุมตัวชายหนุ่มรายนี้เอาไว้ได้ จากนั้นได้โทรศัพท์แจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มารับตัวนำส่งไปยัง สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ก่อนที่หญิงสาวที่ถูกเข้าไปแอบถ่ายพร้อมด้วยแฟนหนุ่มจะเดินทางตามไปพบพนักงานสอบสวนยังที่โรงพัก

แต่หลังการตรวจสอบภาพและคลิปภายในโทรศัพท์มือถือของชายหนุ่มในระหว่างเกิดเหตุ กลับไม่พบว่ามีคลิปแอบถ่ายของหญิงสาวผู้เสียหายอยู่ภายในโทรศัพท์ เนื่องจากระหว่างที่หญิงสาวส่งเสียงร้องโวยวายนั้น ชายหนุ่มผู้ก่อเหตุได้ทำการลบคลิปภาพที่ถ่ายไว้ไปก่อนหน้าแล้ว แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถกู้คืนภาพจากไฟล์ขยะกลับมาดูได้ในภายหลัง จากนั้นจึงได้เรียกให้ทั้งสองฝ่ายเข้าไปเจรจากัน

โดยที่ทางฝ่ายของผู้ก่อเหตุนั้น ได้มีทั้งญาติฝ่ายพ่อ-แม่ และผู้เป็นตาได้เดินทางมาพูดคุยและขอร้องต่อทางฝ่ายของหญิงสาว ไม่ให้ดำเนินคดีต่อชายหนุ่มรายนี้ จนในที่สุดทางฝ่ายหญิงซึ่งเดินทางมาพร้อมกับแฟนหนุ่มเพียง 2 คนนั้น จึงได้ยินยอมความให้ในที่สุด

โดย พ.ต.ต.คุณภัทร ผิวบัวคำ สารวัตรเวรสอบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทรา พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี กล่าวว่า หลังการเจรจาตกลงกันทางฝ่ายหญิงสาวผู้เสียหายได้ตกลงยินยอมที่จะไม่ดำเนินคดีต่อทางผู้ก่อเหตุ โดยขอให้ลบภาพออกจากโทรศัพท์ทิ้งทั้งหมดโดยต้องไม่มีการนำไปเผยแพร่ต่อในสื่อโซเชียลให้เห็นในภายหลัง และได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ขณะที่ฝ่ายผู้ก่อเหตุนั้นได้ยอมรับว่าได้เข้าไปแอบถ่ายคลิปภาพของหญิงสาวในขณะเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัวจริง

ซึ่งในการเจรกันนั้น ได้ให้ผู้ปกครองหรือผู้ใหญ่ทางฝ่ายผู้ก่อเหตุที่เดินทางมาทั้งหมด 5 คน ได้รับทราบถึงพฤติการณ์ในการก่อเหตุ ทั้งยังได้มีการบอกกล่าวกันในระหว่างการลงบันทึกประจำวัน เพื่อให้ช่วยควบคุมดูแลพฤติกรรมไม่ให้กลับไปก่อเหตุซ้ำกับหญิงสาวรายอื่นๆ อีก ซึ่งเป็นความประสงค์ของทางฝ่ายผู้เสียหายเอง ที่ยินยอมที่จะยังไม่ดำเนินคดี โดยที่ไม่ได้มีการเรียกร้องเกี่ยวกับเรื่องของค่าเสียหายแต่อย่างใด พ.ต.ต.คุณภัทร ระบุ