วันที่ 15 ธันวาคม 2566 ที่ จ.นครพนม กลายเป็นข่าวไม่เว้นวันสำหรับแก๊งวัยรุ่นป่าเถื่อนที่ขาดการอบรมจากบุพการี  ได้ยกพวกทำร้ายกันในงานบุญประเพณีท้องถิ่น โดยไม่คำนึงว่าเจ้าภาพจ้างหมอลำมาแสดงเพื่อความบันเทิง สุดท้ายกลายเป็นสุสาน เกิดความสูญเสียมานับไม่ถ้วน

ล่าสุดโจ๋ถ่อยได้ก่อเหตุขึ้นอีก ในงานบวงสรวงศาลหลักเมือง อ.นาแก จ.นครพนม ซึ่งเป็นศาลหลักเมืองเก่าแก่อยู่คู่กับ อ.นาแก มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2451 ในอดีต อ.นาแก เป็นพื้นที่สีแดงถือเป็นศูนย์รวมของนักสู้ โดยมีฐานที่มั่นกลุ่มสหาย สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ เพราะมีอาณาเขตติดกับป่าดงดิบเทือกเขาภูพาน ทั้งนี้สิ่งที่ขาดไม่ได้ของนักสู้เพื่อประชาธิปไตย คือที่ยึดเหนี่ยวทางใจ นอกจากองค์พระธาตุพนมแล้ว ก็มีศาลเจ้าปู่หลักเมืองนาแก ที่เหล่านักสู้ขอให้ช่วยคุ้มครองตามคติความเชื่อ ต่อมาศาลหลักเมืองกลายเป็นงานประเพณีท่องเที่ยวสำคัญประจำปี ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งเร้นลับ

 เมื่อคืนวันที่ 14 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นคืนสุดท้ายของงานมีการจัดมหรสพคบงันตามประเพณี ตั้งแต่วันที่ 7-14 ธันวาคม พอหลังเลิกงานคืนสุดท้าย มีกลุ่มวัยรุ่นเจ้าถิ่น ในพื้นที่เทศบาลตำบลนาแก กับพื้นที่ตำบลใกล้เคียง ยกพวกทำร้ายร่างกาย รวมถึงมีการยิงถล่มกัน เพื่ออวดศักดาแสดงความเป็นเจ้าถิ่น เป็นเหตุให้ มีวัยรุ่นถูกยิงเสียชีวิต 2 ราย คือ นายชัยสิทธิ์ ชัยสงคราม หรือกลด อายุ 24 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาด เข้าศีรษะ จำนวน 2 นัด อีกราย คือ นายศิวกร วงศ์ดวงผา หรือเติ้ล อายุ 21 ปี ถูกยิงเข้าท้อง 2 นัด  รวมถึงเพื่อนอีกรายบาดเจ็บสาหัส คือ นายเจษดา วงค์ศรีชา หรือหน่อง อายุ 29 ปี ถูกยิงเข้าที่หลัง 2 นัด โดยเหตุเกิดริมถนนข้างสะพานข้ามลำน้ำก่ำ เขตเทศบาลตำบลนาแก อ.นาแก จ.นครพนม

หลังมีการยกพวกไล่ล่าทำร้ายร่างกายกัน ได้มีพลเมืองดี ทีมกู้ภัย กู้ชีพโรงพยาบาลนาแก ช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาล  และผู้บาดเจ็บทั้งสองได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนฝ่ายตรงข้ามก็ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย คือนายเอิร์ท (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี ถูกของมีคมฟันที่ศีรษะ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวนายเฟลม (สงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี มาสอบสวนปากคำ เนื่องจากเป็นผู้ต้องสงสัยในการก่อเหตุครั้งนี้

หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.ภาณุศักดิ์ เสมอศรี ผกก.นาแก มอบหมายให้ ร.ต.ท.หญิง รัตนา กองวงษา รองสารวัตรสอบสวน นำทีมชุดสืบสวน ลงพื้นที่เก็บหลักฐาน พบปลอกกระสุนปืนไม่ทราบขนาด จำนวน 3 ปลอก อาวุธมีดและขวาน 2 ด้าม และรถจักรยานยนต์กลุ่มของผู้ตาย ในสภาพถูกทุบทำลายพังเสียหาย แต่ยังไม่พบอาวุธปืนใช้ก่อเหตุ  นอกจากนี้ยังพบหลักฐานจากกล้องวงจรปิด บนเส้นทางจุดเกิดเหตุ เห็นกลุ่มวัยรุ่นทั้งสองฝ่าย ยกพวกทำร้ายร่างกาย โดยมีลักษณะไล่ล่าทำร้าย รวมถึงไล่ยิงกันบนถนน อีกทั้งยังพบคลิปหลักฐานหลังเกิดเหตุมีคนบันทึกภาพขณะกำลังช่วยเหลือคนเจ็บทั้ง 2 รายส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลนาแก ก่อนที่จะเสียชีวิต อย่างไรก็ตามตำรวจกำลังเร่งสอบสวนสืบสวนข้อมูลจากทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.ภาณุศักดิ์ เสมอศรี ผกก.สภ.นาแก พร้อมทีมชุดสืบสวน คุมตัวผู้ต้องสงสัย 2 ราย ไปสอบสวนปากคำ คือ นายเอิร์ท อายุ 22 ปี เป็นคนเจ็บที่นอนร้องโอดโอยในที่เกิดเหตุ เพราะถูกฟันที่ศีรษะ และเป็นฝ่ายตรงข้ามกับกลุ่มคนตาย พร้อมมีคนยืนยันว่านายเอิร์ท เป็นคนขับรถจักรยานยนต์มากับเพื่อน คือ นายเฟลม (สงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี พร้อมใช้อาวุธปืนคนละกระบอก กระหน่ำยิงใส่กลุ่มคนตาย บริเวณริมถนนจุดเกิดเหตุ ก่อนที่จะถูกกลุ่มคนตายรุมทำร้ายปางตายเช่นกัน
 

ทั้งนี้จากการตรวจที่เกิดเหตุ ตำรวจพบอาวุธปืน 1 กระบอก แบบแม็กกาซีน ออโตเมติก ไม่ทราบขนาด ตกในที่เกิดเหตุ ปลอกกระสุน รวม 8 นัด หัวกระสุน 2 นัด จึงเก็บเป็นหลักฐาน ตรวจพิสูจน์ หากพบหลักฐานยืนยันชัดเจน จะเสนอออกหมายจับทั้ง 2 คนทันที

สอบถามนายถา (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี เพื่อนผู้ตาย เล่าว่าได้ไปเที่ยวงานกับเพื่อนประมาณ 10 คน ขากลับนัดเคลียร์ใจกับคู่อริ ที่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน จึงมารอที่จุดเกิดเหตุ พอสักพักมีคนร้ายไม่รู้จักมาก่อน ขับรถจักรยานยนต์มากันสองคน พกปืนคนละกระบอกชักกระหน่ำยิงไม่ยั้ง จนมีคนเจ็บคนตาย แต่เชื่อว่าไม่ใช่คนที่เคยมีเรื่องกัน คาดคู่อริน่าจะส่งตัวแทนมาเคลียร์ แต่ได้ก่อเหตุอวดศักดา ทั้งที่กลุ่มตัวเองไม่มีปืน ส่วนอีกคนที่เจ็บคือนายเจษดา วงค์ศรีชา หรือหน่อง น่าจะเกิดจากการชุลมุนเข้าไปช่วยเหลือคนถูกยิง เนื่องจากหลังยิงจนหนำใจก็ได้ลงมาข่มขู่ ถ้าดูจากคลิปเชื่อว่าคนเจ็บที่ถูกทำร้ายศีรษะจนมีบาดแผลฉกรรจ์น่าจะเป็นผู้ก่อเหตุในครั้ง