วันพุธ ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 00:34 น.

อาชญากรรม

คนร้ายควงปืนบุกจี้ชิงทอง 21 บาท ร้านทองกลางตลาดท่าศาลาหนีลอยนวล

วันอังคาร ที่ 09 มกราคม พ.ศ. 2567, 21.37 น.

เมื่อเวลา 14.00น.วันที่ 9มกราคม2567 ร.ต.อ.อุดมวิทย์ ชูบัวทอง รอง สว.(สอบสวน)สภ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราชได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ว่ามีเหตุคนร้ายจำนวน 1คนใช้อาวุธปืนสั้น จำนวน 1กระบอกแต่งกายชุดดำทั้งชุด สวมหมวกกันน็อคสีดำเต็มใบ บุกเข้าไปชิงทองที่ร้านทอง “ศิริพร” เลขที่ 263/1 กลางตลาดท่าศาลา เขตเทศบาลตำบลท่าศาลา ม.1 ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งอยู่ใจกลางย่านชุมชนตลาดท่าศาลามีผู้คนพลุกพ่าน จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.อภิชาติ จันทร์สำเร็จ ผกก.,พ.ต.ท.นรากร เอียดช่วย รอง ผกก.ป.,พ.ต.ท.เกษมสิทธิ์ จำปาทอง รอง ผกก.(สอบสวน),พ.ต.ท.สมชาย มวยดี รอง ผกก.สส.,กำลังตำรวจชุดสืบสวนและตำรวจสายตรวจได้ระดมลงพื้นที่เข้าตรวจสอบร้านทองทมี่เกิดเหตุทันที


ต่อมาได้มี พล.ต.ต.สมชาย  ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วย พ.ต.อ.นัษฐวุฒิ ทองทิพย์ รองผบก.ภ.นครศรีธรรมราช, พ.ต.อ.ขจิตร  คงปราบ รอง ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช,พ.ต.อ.พิศิษฐ์  วิเศษวงศ์ ผกก.กก.สส.ภ.นครศรีธรรมราชนกำลังตำรวจสืบสวนจังหวัดและตำรวจพิสูจน์หลักฐานเดินทางมาตรวจที่เกิดเหตุทันที


เมื่อกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุพบเจ้าของร้านทองดังกล่าวยืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยอาการตตกใจ สอบสวนทราบชื่อนางนวลศรี อมรศักดิ์ อายุ  66 ปี ให้การเบื้องต้นกับตำรวจว่าก่อนเกิดเหตุขณะตนนั่งอยู่หน้าร้านทองเพียงลำพังคนเดียว ส่วนลูกจ้างได้เดินเข้าไปในห้องน้ำหลังร้าน ทันใดนั้นได้มีคนร้านเป็นชายฉกรรจ์ อายุประมาณ 25-30 ปี สูงประมาณ160-165 ซม.แต่งกายสวมชุดดำทั้งชุด สวมหมวกกันน็อคเต็มใบขี่รถจยย.ยี่ห้อฟีโน่สีส้มดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนมาจอดบนถนนหน้าร้านจากนั้นคนร้ายชายคนดังกล่าวได้ถืออาวุธปืนสั้นบุกเปิดประตุเข้ามาในร้านทองเดินตรงมาที่ตนที่นั่งอยู่หน้าร้านก่อนใช้ปืนจี้ขู่บังคับไม่ให้ขัดขืน ก่อนบังคับให้ตนหยิบสร้อยข้อมือทองคำหนัก 5 บาทจำนวน 3 เส้นและสร้อยข้อมือทองคำหนัก 3 บาท 2 เส้น รวมสร้อยข้อมือทองคำจำนวน 5 เส้นรวมน้ำหนัก 21 บาท มูลค่า 714,000 บาท แล้วเดินออกจากร้านไปขี่รถจยย.หลบหนีไปทางหน้าที่ว่าการอำเภอท่าศาลาแล้วเลี้ยวซ้ายไปบ้านบ่อนนท์ ต.ท่าขึ้น ทันที


หลังเกิดเหตุนางนวลศรี เจ้าของร้านได้แจ้งญาติและลูกน้องที่อยู่หลังร้านมาช่วยเหลือแต่ไม่ทันก่อนแจ้ง191 ให้ตำรวจมาตรวจที่เกิดเหตุดังกล่าว หลังเกิดเหตุทางตำรวจชุดสืบสวนได้ระดมตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในร้านและกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงจำนวนหลายกล้อง โดยพบว่าคนร้ายได้ขี่รถจยย.คันดังกล่าววนเวียนมาดูลาดเลาหลายครั้งแล้ว ซึ่งบนถนนบริเวณที่เกิดเหตุดังกล่าวมีร้านทองตั้งติดกันประมาณ 4-5 ร้าน แต่คนร้ายเลือดที่จะลงมือชิงทองร้านนี้เนื่องจากเห็นว่ามีเจ้าของร้านเป็นผู้หญิงสูงอายุนั่งอยู่ในร้านเพียงคนเดียวทำให้ง่ายในการลงมือชิงทองดังกล่าว


ซึ่งหลังจากเดิเหตุ พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.นครศรีธรรรมราช ได้สั่งระดมล่าตัวคนร้ายรายนี้ตามเส้นทางทุกจุดแต่ไร้วี่แวว ขณะที่ล่าสุดมีการพบรถจักรยานยนต์ของคนร้ายที่ใช้ก่อเหตุคนร้ายได้ขับนำไปจอดทิ้งไว้บริเวณสามแยกบินหลา ม.14 ต.ท่าขึ้น อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 5-6 กม. โดยคนร้ายได้ถอดชุดเสื้อผ้าและหมวกกันน้อคทิ้งไว้บนรถจยย.ซึ่งคาดว่าจะมีคนร้ายอีกคนขี่รถจยย.มารับคนร้ายพาหลบหนีไป ซึ่งทางตำรวจกำลังล่าตัวเต็มที่แล้วแต่ยังไร้วี่แวว.


ผู้สื่อข่าวรายงานสำหรับพื้นที่ อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ในรอบ 10 วันที่ผ่านมาเกิดเหตุชิงทองมาแล้ว 2 ราย รายแรกเมื่อบ่ายสามโมงวันที่ 1มค.2567 ซึ่งเป็นวันปีใหม่นายศุภณัฐ (สงวนนามสกุล)  อายุ 24 ปี ได้ก่อเหตุวิ่งราวสร้อยทองทองคำหนัก 3 บาท 2 เส้นที่ร้านทองเยาวราช กรุงเทพ ภายในห้างเทสโก้โลตัส สาขาอำเภอท่าศาลา หลบหนีไปแต่ตำรวจสภ.ท่าศาลา สามารถจับกุมนายศุภณัฐฯได้พร้อมของกลางทั้งหมดภายในเวลา 1 ชม.จนมาเกิดเหตุชิงทองรายนี้เป็นรายที่ 2 ในรอบ 10 วันตั้งวันปีใหม่ที่ผ่านมา.


ล่าสุดเมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 9 มค.2567 พ.ต.ท.ธีระพร  ศักดิ์ศรี สวป.สภ.สภ.ท่าศาลา พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ท่าศาลา ได้รับแจ้งว่าได้พบรถจยย.ของคนร้ายแล้วเป็นรถจยย.ยี่ห้อยามาฮ่าสีดำ 2กข-4816 นครศรีธรรมราช ได้ถูกนำไปจอดทิ้งไว้ที่บ้านเลขที่ 10 ม.14 ต.ท่าขึ้น อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ได้นำกำลังไปตรวจสอบ พบที่บริเวณหน้าบ้านพบรถจยย.คันดังกล่าวจอดทิ้งไว้โดยมีชุดเสื้อเจ๊กแก็ตแขนยาวสีดำ กางเกงขายาวสีดำ หมวกกันน็อคสีดำ เสื้อเกราะกันกระสุนจำนวน 1ตัววางอยู่ข้างรถจยย. ส่วนคนก่อเหตุสอบสวนทราบชื่อชัยวุฒิ (สงวนนามสกุล) อายุ  54 ปี ผู้ต้องสงสัยรายนี้ หลังก่อเหตุได้ขี่รถจยย.มาจอดทิ้งไว้พร้อมถอดเสื้อผ้าออกก่อนเปลี่ยนชุดและเปลี่ยนขึ้นรถยนต์ไม่ทราบชนิดว่าเป็นรถชนิดใดหลบหนีออกจากบ้านไปจากหมู่บ้านอย่างรวดเร็วทันทีพร้อมสร้อยข้อมือทองคำจำนวน 5 เส้นหนัก 21 บาทไปด้วย

 
ซึ่งจนท.ได้สอบถามปากคำญาติๆทราบว่านายชัยวุฒิ ผู้ต้องสงสัยรายนี้ มีอาชีพทำธุรกิจปลูกยาเส้นขายในหมู่บ้าน หลังก่อเหตุได้ขี่รถจยย.มาจอดที่บ้านหลังดังกล่าวแล้วใช้ให้หลานชายขี่รถจยย.พาไปส่งที่บริเวณสวนมังคุด หมู่บ้านชุมโลง ม.1 ต.สระแก้ว แล้วหายตัวไปคาดว่าจะเปลี่ยนรถอีกทอดหลบหนีไปยังพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานีซึ่งเป็นบ้านเมียของผู้ต้องสงสัยรายนี้แล้วซึ่งคาดว่าจะมีการวางแผนล่วงหน้าไว้เป็นอย่างดี โดยมีการถอดป้ายทะเบียนรถจยย.และติดสติกเกอร์สีแดงด้านข้างรถจยย.เพื่อำพรางเจ้าหน้าที่ ก่อนกลับมาใส่ป้ายแล้วดึงสติกเกอร์ออกเพื่อพรางตาเจ้าหน้าที่ ซึ่งทางตำรวจจะเร่งติดตามตัวนายชัยวุฒิหรือวุด ผู้ต้องสงสัยรายนี้มาสอบสวนขยายผลต่อไป.

 

หน้าแรก » อาชญากรรม