อาชญากรรม
คนร้ายควงปืนบุกจี้ชิงทอง 21 บาท ร้านทองกลางตลาดท่าศาลาหนีลอยนวล
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

เมื่อเวลา 14.00น.วันที่ 9มกราคม2567 ร.ต.อ.อุดมวิทย์ ชูบัวทอง รอง สว.(สอบสวน)สภ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราชได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ว่ามีเหตุคนร้ายจำนวน 1คนใช้อาวุธปืนสั้น จำนวน 1กระบอกแต่งกายชุดดำทั้งชุด สวมหมวกกันน็อคสีดำเต็มใบ บุกเข้าไปชิงทองที่ร้านทอง “ศิริพร” เลขที่ 263/1 กลางตลาดท่าศาลา เขตเทศบาลตำบลท่าศาลา ม.1 ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งอยู่ใจกลางย่านชุมชนตลาดท่าศาลามีผู้คนพลุกพ่าน จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.อภิชาติ จันทร์สำเร็จ ผกก.,พ.ต.ท.นรากร เอียดช่วย รอง ผกก.ป.,พ.ต.ท.เกษมสิทธิ์ จำปาทอง รอง ผกก.(สอบสวน),พ.ต.ท.สมชาย มวยดี รอง ผกก.สส.,กำลังตำรวจชุดสืบสวนและตำรวจสายตรวจได้ระดมลงพื้นที่เข้าตรวจสอบร้านทองทมี่เกิดเหตุทันที
ต่อมาได้มี พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วย พ.ต.อ.นัษฐวุฒิ ทองทิพย์ รองผบก.ภ.นครศรีธรรมราช, พ.ต.อ.ขจิตร คงปราบ รอง ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช,พ.ต.อ.พิศิษฐ์ วิเศษวงศ์ ผกก.กก.สส.ภ.นครศรีธรรมราชนกำลังตำรวจสืบสวนจังหวัดและตำรวจพิสูจน์หลักฐานเดินทางมาตรวจที่เกิดเหตุทันที
เมื่อกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุพบเจ้าของร้านทองดังกล่าวยืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยอาการตตกใจ สอบสวนทราบชื่อนางนวลศรี อมรศักดิ์ อายุ 66 ปี ให้การเบื้องต้นกับตำรวจว่าก่อนเกิดเหตุขณะตนนั่งอยู่หน้าร้านทองเพียงลำพังคนเดียว ส่วนลูกจ้างได้เดินเข้าไปในห้องน้ำหลังร้าน ทันใดนั้นได้มีคนร้านเป็นชายฉกรรจ์ อายุประมาณ 25-30 ปี สูงประมาณ160-165 ซม.แต่งกายสวมชุดดำทั้งชุด สวมหมวกกันน็อคเต็มใบขี่รถจยย.ยี่ห้อฟีโน่สีส้มดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนมาจอดบนถนนหน้าร้านจากนั้นคนร้ายชายคนดังกล่าวได้ถืออาวุธปืนสั้นบุกเปิดประตุเข้ามาในร้านทองเดินตรงมาที่ตนที่นั่งอยู่หน้าร้านก่อนใช้ปืนจี้ขู่บังคับไม่ให้ขัดขืน ก่อนบังคับให้ตนหยิบสร้อยข้อมือทองคำหนัก 5 บาทจำนวน 3 เส้นและสร้อยข้อมือทองคำหนัก 3 บาท 2 เส้น รวมสร้อยข้อมือทองคำจำนวน 5 เส้นรวมน้ำหนัก 21 บาท มูลค่า 714,000 บาท แล้วเดินออกจากร้านไปขี่รถจยย.หลบหนีไปทางหน้าที่ว่าการอำเภอท่าศาลาแล้วเลี้ยวซ้ายไปบ้านบ่อนนท์ ต.ท่าขึ้น ทันที
หลังเกิดเหตุนางนวลศรี เจ้าของร้านได้แจ้งญาติและลูกน้องที่อยู่หลังร้านมาช่วยเหลือแต่ไม่ทันก่อนแจ้ง191 ให้ตำรวจมาตรวจที่เกิดเหตุดังกล่าว หลังเกิดเหตุทางตำรวจชุดสืบสวนได้ระดมตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในร้านและกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงจำนวนหลายกล้อง โดยพบว่าคนร้ายได้ขี่รถจยย.คันดังกล่าววนเวียนมาดูลาดเลาหลายครั้งแล้ว ซึ่งบนถนนบริเวณที่เกิดเหตุดังกล่าวมีร้านทองตั้งติดกันประมาณ 4-5 ร้าน แต่คนร้ายเลือดที่จะลงมือชิงทองร้านนี้เนื่องจากเห็นว่ามีเจ้าของร้านเป็นผู้หญิงสูงอายุนั่งอยู่ในร้านเพียงคนเดียวทำให้ง่ายในการลงมือชิงทองดังกล่าว
ซึ่งหลังจากเดิเหตุ พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.นครศรีธรรรมราช ได้สั่งระดมล่าตัวคนร้ายรายนี้ตามเส้นทางทุกจุดแต่ไร้วี่แวว ขณะที่ล่าสุดมีการพบรถจักรยานยนต์ของคนร้ายที่ใช้ก่อเหตุคนร้ายได้ขับนำไปจอดทิ้งไว้บริเวณสามแยกบินหลา ม.14 ต.ท่าขึ้น อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 5-6 กม. โดยคนร้ายได้ถอดชุดเสื้อผ้าและหมวกกันน้อคทิ้งไว้บนรถจยย.ซึ่งคาดว่าจะมีคนร้ายอีกคนขี่รถจยย.มารับคนร้ายพาหลบหนีไป ซึ่งทางตำรวจกำลังล่าตัวเต็มที่แล้วแต่ยังไร้วี่แวว.
ผู้สื่อข่าวรายงานสำหรับพื้นที่ อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ในรอบ 10 วันที่ผ่านมาเกิดเหตุชิงทองมาแล้ว 2 ราย รายแรกเมื่อบ่ายสามโมงวันที่ 1มค.2567 ซึ่งเป็นวันปีใหม่นายศุภณัฐ (สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี ได้ก่อเหตุวิ่งราวสร้อยทองทองคำหนัก 3 บาท 2 เส้นที่ร้านทองเยาวราช กรุงเทพ ภายในห้างเทสโก้โลตัส สาขาอำเภอท่าศาลา หลบหนีไปแต่ตำรวจสภ.ท่าศาลา สามารถจับกุมนายศุภณัฐฯได้พร้อมของกลางทั้งหมดภายในเวลา 1 ชม.จนมาเกิดเหตุชิงทองรายนี้เป็นรายที่ 2 ในรอบ 10 วันตั้งวันปีใหม่ที่ผ่านมา.
ล่าสุดเมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 9 มค.2567 พ.ต.ท.ธีระพร ศักดิ์ศรี สวป.สภ.สภ.ท่าศาลา พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ท่าศาลา ได้รับแจ้งว่าได้พบรถจยย.ของคนร้ายแล้วเป็นรถจยย.ยี่ห้อยามาฮ่าสีดำ 2กข-4816 นครศรีธรรมราช ได้ถูกนำไปจอดทิ้งไว้ที่บ้านเลขที่ 10 ม.14 ต.ท่าขึ้น อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ได้นำกำลังไปตรวจสอบ พบที่บริเวณหน้าบ้านพบรถจยย.คันดังกล่าวจอดทิ้งไว้โดยมีชุดเสื้อเจ๊กแก็ตแขนยาวสีดำ กางเกงขายาวสีดำ หมวกกันน็อคสีดำ เสื้อเกราะกันกระสุนจำนวน 1ตัววางอยู่ข้างรถจยย. ส่วนคนก่อเหตุสอบสวนทราบชื่อชัยวุฒิ (สงวนนามสกุล) อายุ 54 ปี ผู้ต้องสงสัยรายนี้ หลังก่อเหตุได้ขี่รถจยย.มาจอดทิ้งไว้พร้อมถอดเสื้อผ้าออกก่อนเปลี่ยนชุดและเปลี่ยนขึ้นรถยนต์ไม่ทราบชนิดว่าเป็นรถชนิดใดหลบหนีออกจากบ้านไปจากหมู่บ้านอย่างรวดเร็วทันทีพร้อมสร้อยข้อมือทองคำจำนวน 5 เส้นหนัก 21 บาทไปด้วย
ซึ่งจนท.ได้สอบถามปากคำญาติๆทราบว่านายชัยวุฒิ ผู้ต้องสงสัยรายนี้ มีอาชีพทำธุรกิจปลูกยาเส้นขายในหมู่บ้าน หลังก่อเหตุได้ขี่รถจยย.มาจอดที่บ้านหลังดังกล่าวแล้วใช้ให้หลานชายขี่รถจยย.พาไปส่งที่บริเวณสวนมังคุด หมู่บ้านชุมโลง ม.1 ต.สระแก้ว แล้วหายตัวไปคาดว่าจะเปลี่ยนรถอีกทอดหลบหนีไปยังพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานีซึ่งเป็นบ้านเมียของผู้ต้องสงสัยรายนี้แล้วซึ่งคาดว่าจะมีการวางแผนล่วงหน้าไว้เป็นอย่างดี โดยมีการถอดป้ายทะเบียนรถจยย.และติดสติกเกอร์สีแดงด้านข้างรถจยย.เพื่อำพรางเจ้าหน้าที่ ก่อนกลับมาใส่ป้ายแล้วดึงสติกเกอร์ออกเพื่อพรางตาเจ้าหน้าที่ ซึ่งทางตำรวจจะเร่งติดตามตัวนายชัยวุฒิหรือวุด ผู้ต้องสงสัยรายนี้มาสอบสวนขยายผลต่อไป.
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
หน้าแรก » อาชญากรรม
ข่าวในหมวดอาชญากรรม ![]()
หนุ่มคลั่งยาขู่ชาวบ้าน ดวลเดือดตร.ดับ 1 เจ็บ 2 19:27 น.
- ผบ.ตร.แสดงความเสียใจ เหตุ ฮ.ตก ดับ 3 นายที่ประจวบฯ สั่งเร่งสอบสวน-ดูแลครอบครัว 15:08 น.
- รอง ผบ.ตร.สั่งด่วนรับมือน้ำท่วมกระทบจราจรติดขัดใน กทม.และปริมณฑล 14:23 น.
- กู้ภัยระทึก! ชายขับเก๋งปาดหน้าชักปืนขู่โวยวายอ้างพาคนร้ายหนี ต้องแจ้งตำรวจช่วย พบเพิ่งพ้นโทษคดียิงคนตาย 12:29 น.
- ตร.ทางหลวง รวบหนุ่มหัวเกรียนบุกลักรถตู้วัด พบเพิ่งพ้นโทษ 18:37 น.