วันพฤหัสบดี ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 12:34 น.

อาชญากรรม

ฉก.นย.182 จับเครือข่ายค้าอาวุธสงคราม ยึดของกลางมูลค่านับล้าน คาดส่งไปยังชนกลุ่มน้อยภาคเหนือ

วันศุกร์ ที่ 09 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567, 17.34 น.

เวลา 13.00 น.วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 ที่หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินที่ 182 (บ้านหาดเล็ก) น.อ.นฤมิต ศุขสมิติ  ผู้บังคับหน่วยนาวิกโยธินตราด (ผบ.ฉก.นย.ตราด) นายพีระ เอี่ยมสุนทร รองผู้ว่าราชการจังหวัดตราด,น.ท.ชยพล ตันติวิท ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินที่ 182 (ฉก.นย.182) และตัวแทนกอ.รมน.ตราด,ศรชล.ตราด ตำรวจภูธรจังหวัดตราด มชด./1,อำเภอคลองใหญ่ สภ.คลองใหญ่ ร่วมแถลงข่าวการจับกุมอาวุธสงคราม ที่ หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน 182 (ฉก.นย.182) ได้ทำการจับกุมได้ เมื่อเวลา 03.40 น.วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา

น.อ.นฤมิต  เปิดเผยว่า จากนโยบายของพลเรือโทสมรภูมิ จันโท ผู้บัญชาการนาวิกโยธิน ให้ บยฌแเข้มงวด และเฝ้าระวังบุคคล กลุ่มบุคคล ของขบวนการลักลอบค้าอาวุธสงคราม และสิ่งผิดกฎหมายตามแนวชายแดนมากขึ้น สืบเนื่องจากการตรวจยึดอาวุธปืน และเครื่องกระสุนได้ จำนวนหลายหลายการ ในพื้นที่ อ.สอยดาว จ.จันทบุรี ของ ชค.ทพ.นย.2 ในห้วง 22 - 23 ม.ค. 67 ที่ผ่านมา ดังนั้น ส่วนงานป้องกันชายแดนในพื้นที่รับผิดชอบ จึงได้วางมาตรการในการลาดตระเวณตรวจตรา/เฝ้าระวัง บุคคล/กลุ่มบุคคลที่จะเดินทางเข้ามาในพื้นที่ เพื่อลักลอบค้าอาวุธสงคราม และเครื่องกระสุนตามแนวทางชายแดนทางบก และทางทะเลมากขึ้น ประกอบกับภัยแทรกซ้อนต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น ส่งผลให้มีการจับกุมกลุ่มผู้กระทำผิด พร้อมของกลางอาวุธปืนสงคราม พร้อมเครื่องกระสุน และของกลางอื่นๆ หลายรายการ 

ด้วยเหตุดังกล่าว ทำให้ฉก.นย 182 คุมเข้มการลักลอบและได้จัดชุดปฏิบัติการ  ทำการลาดตระเวนเฝ้าตรวจทางทะเลในพื้นที่รับผิดชอบ โดยได้ตรวจพบเรือหางยาวต้องสงสัย จำนวน 1 ลำ กลางทะเล( พิกัด 48PTT 67454 92740 )บริเวณด้านหน้าหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน 182 ที่ตั้ง หมู่ 4 ต.หาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด จากนั้น จึงขอทำการตรวจสอบเรือลำดังกล่าว โดยมี นายแหรน (ไม่มีนามสกุล) อายุ 20 ปี สัญชาติกัมพูชา เป็นผู้ควบคุมเรือ ภายในเรือหางยาวดังกล่าว พบกล่องกระดาษพันด้วยเทปกาวอย่างหนาแน่น จำนวน 2 กล่อง ตรวจสอบภายในกล่องพบอาวุธสงครามพร้อมเครื่องกระสุนจำนวนหลาย ดังนี้.- 1.  ปืนเล็กยาว M 16 A 1 จำนวน 2.กระบอก,2  ปืนเล็กยาว AK 47 (อาก้า) จำนวน 8 กระบอก,3.ซองกระสุน M 16 ชนิด 30 นัด จำนวน 2 ซอง 4.  ซองกระสุน AK 47 จำนวน 45 ซอง 5.  กระสุนปืน AK 47 จำนวน 2 ลังๆ ละ 720 นัด รวม 1,440 นัด 6.  เงินสด (ไทย) จำนวน 1,000 บาท.7  เงินสด (กัมพูชา) จำนวน 3,500 เรียล ,8.  ยาไอซ์/อุปกรณ์สูบ 1 ชุด ,9. เรือไฟเบอร์ พร้อมเครื่องยนต์ติดท้าย 1 ลำ และ 10.  โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง

และได้ทำการสอบสวนนายแหรน ถึงการนำอาวุธสงครามมายังจังหวัดตราดในครั้งนี้ โดยประสานรองผู้ว่าราชการจังหวัดเกาะกง เจ้าหน้าที่ทหารประจำจังหวัดเกาะกง และตกรวจเกาะกง ประเทศกัมพูชามาร่วมทำการสอบสวนร่วมด้วย ซึ่งเบี้องต้นยังไม่สามารถระบุได้ว่าผู้ต้องหาจะนำไปให้ใคร อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะมีเป้าหมายไปยังกลุ่มชนกลุ่มน้อยในภาคเหนือที่มีการสู้รบกันอยู่ ซึ่งทางรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 จะได้ทำการสอบสวนต่อไป ขณะเดียวกันยังน่าเชื่อว่า จะการค้าอาวุธสงครามครั้งนี้ยังเชื่อว่าเชื่อมโยงกับการลักลอบการค้าอาวุธสงครามที่จ.จันทบุรีที่มีการจับกุมได้ทั้ง 2 ครั้งในช่วงปลายเดือนมกราคม 2567 รวมทั้งน่าจะเป็นขบวนการเดียวกันเพราะปี 2560-2561 ที่มีการลักลอบนำอาวุธสงครามเข้ามาเช่นกัน ซึ่งเป้าหมายก็คือนำไปจำหน่ายในชนกลุ่มน้อยที่มีการสู้รบกันอยู่ ซึ่งมีราคาแพง 

ขณะที่พันตำรวจเอกธนกฤษ พาภิรมย์ รองผู้บังคับกาาตำรวจภูธรจ.ตราดก ล่าวว่า การสอบสวนครั้งนี้ยังไม่สามารถที่จะระบุถึงเป้าหมายต้นทางและปลายทางที่แน่ชัด รวมทั้งเหตุจูงใจ ซึ่งทางตำรวจภูธรภาค 2 จะได้ทำการสืบสวนในเชิงลึกต่อไป อย่างไรก็ตาม จะเชื่อมโยงกับการสู้รบของชนกลุ่มน้อยในภาคเหนือหรือไม่ ยังต้องทำการสอบสวนต่อไป และก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน 

จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางมาควบคุมตัวที่ ฉก.นย.182 เพื่อทำการสอบสวนเบื้องต้น และจะนำส่ง สภ.คลองใหญ่ฯ เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป โดยมีการประเมินมูลค่าอาวุธสงครามครั้งนี้ว่ามีราคาประมาณ 1 ล้านบาท แต่หากนำไปจำหน่ายในพื้นที่ให้กับชนกลุ่มน้อยได้จะมีราคากระบอกละ 1 แสนบาท 

หน้าแรก » อาชญากรรม