วันที่ 13 มีนาคม 2567 มีความคืบหน้า คดี นายขุนหาญ หรือจ่า อายุ 38 ปี ต.บ้านผึ้ง อ.เมือง จ.นครพนม ก่อเหตุใช้อาวุธปืนแก็ปยาวไทยประดิษฐ์ ซุ่มยิงหลานเขยชื่อนายอดินันท์ เอี่ยมจันทร์ อายุ 35 ปี ซึ่งมีบ้านอยู่ติดกัน ทำให้กระสุนปืนยิงเข้าที่ใบหน้าด้านขวา ได้รับบาดเจ็บสาหัส ญาติเร่งนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลนครพนม โดยกระสุนส่วนใหญ่เป็นเศษเหล็ก นำมาผสมกับดินปืน เพื่อใช้สำหรับยิงนกยิงหนูในทุ่งนา ทำให้แก้มขวาของนายอดินันท์ มีรอยเป็นจุดๆเต็มใบหน้า แต่ยังมีเศษเหล็กฝังอยู่บริเวณหัวคิ้วซ้าย อาจต้องส่งไปรักษาต่อกับแพทย์เชี่ยวชาญ ที่โรงพยาบาลอุดรธานี

ส่วนสาเหตุมาจากคนก่อเหตุมีพฤติกรรมเสพยาบ้า ดื่มเหล้า คลุ้มคลั่ง และไม่พอใจที่หมาเพื่อนบ้านเห่า ประจวบเหมาะกับคนเจ็บออกมาส่องไฟฉายดู ในขณะนายจ่าสะพายปืนแก๊ปอยู่บนถนน เป็นต้นเหตุให้หมาละแวกนั้นรุมเห่า แต่กลับไม่พอใจนายอดินันท์ ที่ส่องไฟฉายใส่หน้า จึงเกิดการโต้เถียงกันขึ้น แล้วแอบซุ่มยิงเข้าแก้มขวา ในขณะที่นายอดินันท์ยืนโทรศัพท์แจ้งตำรวจให้มาระงับเหตุ  ต่อมาสืบสวนชุดพยัคฆ์ สภ.เมืองนครพนม ลงพื้นที่ติดตามจับกุมตัวได้ ขณะจะหลบหนีไปอีกหมู่บ้านข้างเคียง เบื้องต้นแจ้งข้อหาหนักพยายามฆ่า

ทั้งนี้ จากการสอบถาม นางลำปาง จันทร์แสง อายุ 61 ปี แม่ของผู้ต้องหา เปิดเผยว่า นายขุนหาญหรือจ่า เป็นลูกชายคนที่ 3 จากพี่น้อง 4 คน เคยแต่งงานมีลูกสาว 1 คน ปัจจุบันอายุ 18 ปี หย่าร้างกับภรรยา เพราะมีพฤติกรรมโมโหร้าย ส่วนตัวเชื่อว่าลูกไปทำงานก่อสร้างอยู่ จ.บึงกาฬ แล้วเสพยาบ้าเพื่อให้มีแรงทำงานข้ามวันข้ามคืนได้ หลังกลับมาบ้านเริ่มมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป อารมณ์ฉุนเฉียวง่าย ตนจึงมีความหวาดผวาตลอดเวลา

วันเกิดเหตุช่วงเย็น ตนได้หุงข้าวเหนียวใส่ในกระติ๊บไว้ ถึง 3 กระติ๊บ พร้อมกับจี่หนังเค็มรอลูกชายมากิน แต่นายจ่ากลับโมโหหาว่าแม่ไม่ทำกับข้าว จึงโวยวายเตะกระติ๊บข้าวกระเด็นกระดอน พร้อมขู่จะฆ่าแม่ให้ตาย ตนจึงหนีไปแอบอยู่บ้านญาติ  ขณะรั้นเป็นเวลาค่ำมืดแล้ว นายจ่าสะพายปืนแก๊ปเดินวนไปมาบริเวณนั้น หมาซึ่งมีอยู่ละแวกเดียวกันถึง 5 ตัว จึงเห่ากรรโชกดังลั่นซอย นายอดินันท์จึงออกมาส่องไฟฉายดู ทำให้ไม่พอใจแอบซุ่มยิงจนบาดเจ็บ ตนไม่ขอเยี่ยม และไม่ขอประกันตัว เพราะเกรงว่าถ้าออกมาภายนอก ตนจะต้องอยู่อย่างหวาดระแวง และจะเป็นภัยต่อสังคม

ต่อมา ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยัง สภ.เมืองนครพนม พบว่านายขุนหาญหรือจ่าผู้ต้องหา หลังสอบสวนปากคำเสร็จ ชุดพยัคฆ์ได้นำตัวส่ง ร.ต.ท.สิทธิพล วงศ์นิโลบล รอง สว.สอบสวนฯ บันทึกสำนวนดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยไร้เงาญาติมาเยี่ยมแม้แต่คนเดียว