วันเสาร์ ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 01:27 น.

อาชญากรรม

ทหาร กกล.สุรศักดิ์มนตรี ยึดรถยนต์หรู 5 คัน จยย. 3 คัน เตรียมข้ามโขง

วันเสาร์ ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2567, 19.33 น.

วันที่ 20 เมษายน 2567 ที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการกองร้อยทหารราบ กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี อ.ธาตุพนม จ.นครพนม พล.ต.นรธิป โพยนอก ผบ.กกล.สุรศักดิ์มนตรี มอบหมายให้ ร.อ.กิตติกร จันทร์หอม นายทหารฝ่ายยุทธการ กองบังคับการควบคุมที่ 1 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี หัวหน้าชุดปฏิบัติการ พิเศษ กองบังคับการกองร้อยทหารราบ ฯ และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง แถลงผลงานการตรวจยึดรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ขบวนการโจรกรรมข้ามชาติ ตามแนวชายแดนริมน้ำโขงในพื้นที่ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม และรอยต่อ อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร

 


โดยพบกลุ่มเยาวชนจำนวน 2-3 คน พยายามนำรถ จยย. จำนวน 3 คัน จากการโจรกรรม หรือผู้เช่าซื้อหนีไฟแนนซ์ เตรียมลงเรือข้ามไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน แต่ทหารสามารถสกัดตรวจยึดไว้ได้ ส่วนกลุ่มเยาวชนใช้ความชำนาญหลบหนีไป ชุดปฏิบัติการจึงขนย้ายรถ จยย.ทั้งหมดมาตรวจสอบ สืบหาแหล่งที่มาอย่างละเอียดอีกครั้ง


นอกจากนี้จากการลาดตระเวนหาข่าวของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการกองร้อยทหารราบ กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ยังสามารถตรวจยึดรถยนต์หรูสภาพใหม่ ที่ขบวนการโจรกรรมรถยนต์ข้ามชาติ นำมาซุกซ่อนไว้ในพื้นที่ ชายแดนแม่น้ำโขงเขต ต.น้ำก่ำ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม และรอยต่อ อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร เพื่อรอลำเลียงขนส่งทางเรือหางยาว ดัดแปลงสภาพต่อเป็นแพขนานยนต์ ส่งไปขายประเทศเพื่อนบ้าน ก่อนจะดัดแปลงสภาพเปลี่ยนพวงมาลัยจากขวามาเป็นซ้ายด้วยความชำนาญ โดยมีราคาซื้อขายคันละประมาณ4 -5 แสนบาท จากราคาจริงคันละ 1 ล้านบาท - 1.5 ล้านบาท

 


โดยการตรวจยึดครั้งนี้ เป็นรถยนต์จำนวน 5 คัน ได้แก่ รถยนต์ยี่ห้อ อีซูซุ สีบรอนซ์เงิน 1 คัน ทะเบียน กษ 3054 สุราษฏร์ธานี,อีซูซุ สีเทาแลมโบ 1 คัน ทะเบียน ขก 9069 นครสวรรค์,อีซูซุ รุ่นมิวเอ็กซ์ สีบรอนซ์เทา ทะเบียน 2 ขร 9816 กรุงเทพมหานคร,โตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ทะเบียน ขข 7435 นครศรีธรรมราช และรถยนต์อีซูซุ รุ่นดีแมคซ์ สีบรอนซ์เทา ทะเบียน 4 ขย 9461 กรุงเทพมหานคร


จากการตรวจสอบของ ร.อ.กิตติกร จันทร์หอม นายทหารฝ่ายยุทธการ กองบังคับการควบคุมที่ 1 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการกองร้อยทหารราบ กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ระบุว่า รถยนต์ส่วนใหญ่ที่ได้จากการตรวจยึด หลังมีการพบเบาะแสทางการข่าว ว่าจะลำเลียงมาพักตามอำเภอชายแดนแม่น้ำโขง เพื่อรอการลำเลียงขนส่ง จึงประสานบริษัทไฟแนนซ์มาร่วมตรวจสอบ พบว่ารถยนต์ทั้ง 5 คัน สภาพใหม่เอี่ยม มีการเช่าซื้อกับหลายธนาคาร และแหล่งเงินทุนจัดไฟแนนซ์ ส่วนใหญ่จะมีการเช่าซื้อมากว่า 2 ปี แต่มีการค้างชำระ 1 ปีขึ้นไป คาดว่าเจ้าของขาดสภาพคล่อง จึงมีการจำนำกับนายทุน รวมถึงจำนำในบ่อนพนัน แบบราคาถูกไม่มีหลักฐาน คันละประมาณ 2 -3 แสนบาท โดยไม่ยอมให้ไฟแนนซ์ยึด ก่อนที่ผู้รับจำนำจะนำมาพักรอการขนส่งข้ามไปขายประเทศเพื่อนบ้าน

 


 

นอกจากนี้ยังมีบางคัน จะมีต้นทางมาจากการโจรกรรม แต่ส่วนใหญ่จะมาจากจำนำในบ่อนเพื่อหนีไฟแนนซ์ เนื่องจากมีช่องว่างกฎหมาย เป็นสัญญาเช่าซื้อ เป็นคดีแพ่ง มีการฟ้องร้องเรียกค่าชดเชยภายหลัง ทำให้เจ้าของรถยนต์หาทางออกจากช่องว่างกฎหมายส่งขาย และตรวจสอบยากว่าเป็นการยักยอกทรัพย์ ทำให้บริษัทไฟแนนซ์ ต้องฟ้องค่าเสียหายทางแพ่งภายหลัง


ส่วนรถจักรยานยนต์ ส่วนใหญ่จะเป็นการโจรกรรม เพราะขนย้ายง่ายกว่ารถยนต์ เมื่อมีออเดอร์ประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้มีปัญหาการโจรกรรม และเกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ หนี้เสียของสถาบันการเงินตามมา

ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ยังระบุเชิงลึกว่า ปัญหาสำคัญที่ปราบปรามไม่หมด เนื่องจากมีขบวนการนายทุนในพื้นที่ และเจ้าหน้าที่รัฐบางราย มีเอี่ยวในการดูแลเส้นทางลำเลียง ได้ค่าตอบแทนสูง คาดว่าแต่ละเดือนในพื้นที่ชายแดนนครพนม มีรถยนต์โจรกรรมข้ามชาติเกือบ 100 คันที่หนีการจับกุม ตรวจยึด


นอกจากนี้ จากการสอบถามเจ้าหน้าที่บริษัทไฟแนนซ์รถยนต์ ยอมรับว่า ปัจจุบันยอดหนี้เสีย ค้างชำระเพิ่มมากขึ้นหลายเท่าตัว รวมถึงตามหารถยนต์ไม่เจอ จำนวนมาก เชื่อว่าถูกนำเข้าไปขบวนการส่งขายข้ามชาติ เพราะไม่ยอมให้ไฟแนนซ์ยึด และยอมให้ฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งภายหลัง เพราะไม่สามารถดำเนินคดีอาญา ในข้อหายักยอกทรัพย์ได้ เพราะยากในกระบวนการทางกฎหมาย ที่ตรวจสอบหาหลักฐานได้ อีกทั้งจากการตรวจสอบข้อมูล พบว่ารถยนต์ที่ได้คืนจากการตรวจยึดก่อนส่งข้ามโขง ไม่มีการแจ้งหาย เพราะเจ้าของติดต่อไม่ได้ ปฏิเสธ รการชำระหนี้ จึงนำไปจำนำนายทุน และเข้าสู่ขวนการขายข้ามชาติ ทำให้หนี้เสียเพิ่มมากขึ้น และสิ่งที่ตามมาคือ การโจรกรรม การจำนำเถื่อนแบบไม่มีเอกสารเพิ่มขึ้น เพราะมีออเดอร์ส่งออกไปขาย กลายเป็นปัญหาสำคัญระดับประเทศ ในรอบนี้สามารถตรวจสอบคืนบริษัทได้ โดยติดต่อเจ้าของผู้เช่าซื้อไม่ได้ เชื่อว่านำไปจำนำ ก่อนขบวนการโจรกรรมนำมาส่งขาย

 


อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่เชื่อว่า ปัญหาการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ข้ามชาติ จะไม่หมดไปได้ง่าย หากโทษทางกฎหมาย เอาผิดได้แค่เรียกร้องทางแพ่ง เนื่องจากผู้เช่าซื้อบางราย ไม่มีทรัพย์สิน พร้อมที่จะปฏิเสธการชำระหนี้ไฟแนนซ์ ที่สำคัญหากเจ้าหน้าที่รัฐบางราย และมีนายทุนในพื้นที่ อำนวยความสะดวกเส้นทางลำเลียงขนส่งข้ามฟากไปขาย จึงยากที่จะตัดวงจร ยิ่งหากปลายทาง มีความต้องการสูง ยิ่งจะให้มีการโจรกรรม และรับจำนำส่งขายมากขึ้น

หน้าแรก » อาชญากรรม