เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่ารับแจ้งมีเยาวชนอายุ 14 ปี ถูกระเบิดเขวี้ยงใส่เข้าที่บริเวณใบหน้า นอนเสียชีวิตอยู่ที่บริเวณหน้าร้านขายเครื่องการเกษตรแห่งนึ่ง ริมถนน 210 ในพื้นที่ตำบลนาคำไฮ อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู พล.ต.ต.ศักดา เหมือนโพธิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดหนองบัวลำภู ,พ.ต.อ.กฤติเดช ปทุมาพัฒนานนท์ ผกก.สภ.เมืองหนองบัวลำภู ,พ.ต.ต.คำแปลง ไชยรินทร์ พนักงานสอบสวนเวร ,เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน ,แพทย์เวรโรงพยาบาลหนองบัวลำภู และหน่วยกู้ภัยนเรศวรหนองบัวลำภู ได้รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบเด็กชาย อายุ 14 ปี อยู่ที่ตำบลนาคำไฮ อำเภอเมืองจังหวัดหนองบัวลำภู สวมกางเกงยีนต์ขายาว เสื้อแขนยาวสีขาว นอนเสียชีวิตมีบาดแผลที่บริเวณศีรษะฝั่งด้านซ้าย

สอบถามเด็กชาย เอ และเด็กชาย บี อายุ 14 ปี (นามสมมุติ) ซึ่งนั่งรถจักรยานยนต์มากับผู้เสียชีวิต โดยทั้ง 2 คนที่รอดชีวิตได้รับบาดเจ็บด้านแผ่นหลังเป็นจุดสีแดง โดนสะเก็ดระเบิดแต่บาดเจ็บไม่มาก ได้เล่าว่าตนเองมาด้วยกัน 3 คน หลังจากที่กลับจากดูหมอลำในหมู่บ้าน ขับรถมาถึง 4 แยกนาคำไฮ พบว่ามีกลุ่มวัยรุ่นขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ขับตามหลังพวกตนมา ต่อมาได้ยินเสียงดังคล้ายระเบิดดังขึ้น 3 ครั้ง และพบว่าเพื่อนคือ เด็กชาย อายุ 14 ปี ได้หงายหลังตกจากรถ และมีเลือดไหลออกเป็นจำนวนมากที่บริเวณใบหน้า และเสียชีวิต โดยตนเองทราบว่าคนที่เขวี้ยงระเบิดใส่พวกตน ว่าชื่ออะไรบ้างเพราะเป็นคนในตำบลเดียวกัน

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองหนองบัวลำภู ได้เชิญตัวผู้ปกครอง พร้อมผู้ต้องสงสัยเป็นเยาวชนอายุ 14 ปีทั้งหมด 3 คน มาที่ สภ. เมืองหนองบัวลำภู โดยเด็กเยาวชนทั้ง 3 คน ได้เล่าว่าเป็นคนลงมือเขวี้ยงระเบิดปิงปองจริง โดยได้ทำขึ้นเองโดยพกระเบิดมาคนละ 1 ลูก และเคยมีเรื่องบาดหมางกันกับกลุ่มผู้เสียชีวิตมาก่อน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียง เห็นภาพเหตุการณ์เพราะจุดที่เกิดเหตุ มีไฟฟ้าส่องสว่างที่ถนน

โดย พ.ต.อ.กฤติเดช ปทุมาพัฒนานนท์ ผกก.สภ.เมืองหนองบัวลำภู ได้กล่าวว่า ในเบื้องต้นได้ทำการทำประวัติเยาวชนอายุ 14 ปีทั้ง 3 คนไว้ และจะได้นำตัวผู้ก่อเหตุ และผู้เสียหายรวมเป็นทั้งหมด 5 คน มาสอบปากคำต่อหน้าทีมสหวิชาชีพ เพราะเนื่องจากทั้งหมดเป็นเยาวชน  ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่อุกอาจ เป็นพฤติกรรมของผู้ใหญ่ ซึ่งเด็กเยาวชนไม่น่าจะมีพฤติกรรมรุนแรงแบบนี้ จึงอยากฝากขอเตือนผู้ปกครองว่า ตนเองได้ปรึกษากับผู้บังคับบัญชา โดยจะได้ดำเนินการกับผู้ปกครองในฐานะที่ไม่ดูแลบุตรหลาน จนทำให้เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญดังขึ้น  เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องบังคับใช้กฎหมายเพราะว่าที่ผ่านมา กฎหมายมีอยู่ตั้งนานแล้ว แต่เราไม่เคยนำมาใช้ คงจะต้องใช้เคสนี้เพื่อเป็นเคสตัวอย่าง และอยากให้ผู้ปกครองช่วยดูแลบุตรหลานของท่านให้ใกล้ชิด ถ้าเกิดค่ำมืดแล้วก็ไม่ควรให้ออกจากบ้าน ไปเที่ยวเตร่ที่ไหน ข่าวคืบหน้าผู้สื่อข่าวจะรายงานให้ทราบต่อไป