วันอังคาร ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2567 15:22 น.

อาชญากรรม

ดีเจหนีตายข้ามจังหวัด หุ้นส่วนร้านเมากร่างตบด้วยปืนเลือดอาบ เผ่นหาพ่อในค่ายทหารให้ช่วย

วันอาทิตย์ ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2567, 12.28 น.

วันที่ 30 มิถุนายน 2567 มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Chinorrod ลงข้อความเผยแพร่เป็นสาธารณะ ว่า  “ร้านแถวๆริมโขงนครพนม เปิดเกินเวลา แถมเจ้าของร้านเมาแล้วถ่อย จับแฟนผมไว้ พาเพื่อนมารุมผม เอาปืนมาตบDJ จมูกจนหัก เพียงเพราะไปเข้าห้องน้ำ(เพลงเปิดMixsetไว้ปกติ) ร้านปิดตี2 ไม่ใช่ผับ ลงไปเข้าห้องน้ำ เจ้าของร้านเมาคิดว่าไม่เล่นต่อ (ซึ่งเล่นต่อต้องเปิดยาวรวมทั้งหมด 4 ชมเต็มๆ) เมาแล้วรั่วเมาแล้วถ่อย ทั้งๆผมพึ่งผ่าตัดใส่เหล็กได้ไม่กี่วัน ร้านผิดเต็มๆ เปิดเกินเวลา ลูกก็โตจนเรียน มจพ ละ ยังทำตัวถ่อย อีกอย่างผมก็มีครอบครัวต้องดูแล มีพ่อมีแม่ เดี๋ยวมาเล่า ตอนนี้แจ้งความแล้ว หลักฐานครบ ฟ้องหนักๆ ไม่รับกระเช้า เงินหรือคุก เท่านั้น  #เตือนภัย #เตือนภัยนครพน  #เตือนภัยสกลนคร #เตือนภัยดีเจ #เตือนภัยDJ #เทศบาลนครสกลนคร #เทศบาลนครพนม   #กันจอมพลัง” โดยมีภาพที่ถูกทำร้ายประกอบ และมีคนเข้ามาแสดงความรู้สึกต่อโพสต์ รวมทั้งคอมเม้นต์เกือบ 200 ครั้ง ส่วนใหญ่แนะนำให้ดำเนินคดีต่อผู้กระทำให้ถึงที่สุด

ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ริมแม่น้ำโขง ถนนสุนทรวิจิตร เขตเทศบาลเมืองนครพนม บริเวณหอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ จุดเช็คอินชื่อดังของจังหวัด โดยคาดว่าเป็นสถานที่เกิดเหตุดังกล่าว เนื่องจากมีร้านเหล้ากึ่งผับตั้งอยู่หลายแห่ง และทราบจากประชาชนแถวนั้น ว่า เกิดเหตุทำร้ายร่างกายกันจริง แต่ไม่รู้รายละเอียด เพิ่งเห็นข้อความในเฟซบุ๊กเช้าวันนี้นี่เอง

จากนั้นได้เดินทางไปยัง สภ.เมืองนครพนม สอบถามพนักงานสอบสวนที่เข้าเวรประจำวัน ก็ได้อนุเคราะห์ตรวจสอบในบันทึกประจำวัน แต่ไม่พบหลักฐานว่ามีผู้เสียหายแจ้งความเหตุดังกล่าว กระทั่งได้เบอร์โทรศัพท์ของเจ้าของเฟซบุ๊กต้นเรื่อง จึงทราบความกระจ่างชัด ว่า ผู้เสียหายชื่อนายชิโนรส ย่อยดวงชัย หรือฟิวส์ อายุ 27 ปี เป็นชาว ต.ฮางโฮง อ.เมือง จ.สกลนคร  

พร้อมเล่าเหตุการณ์ให้ผู้สื่อข่าวฟังทางโทรศัพท์ ว่า ทำงานเป็น DJ อยู่ร้านเหล้ากึ่งผับแห่งหนึ่ง แถวหอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ ใช้ชื่อดีเจการ์ฟิลด์ ก่อนเกิดเหตุได้เข้าทำหน้าที่ดีเจในร้านเวลา 22.00 น.วันที่ 29 มิถุนายน พร้อมเปิดเพลงไปจนถึงเวลา 02.00 น.ของวันที่ 30 มิถุนายน ตนได้เดินลงไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ด้านล่างของร้าน เดินกลับขึ้นมาพบนายโน้ต ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง อ้างเป็นหุ้นส่วนของร้าน เข้ามาถามตนว่าทำไมไม่เปิดเพลง จึงตอบกลับไปว่าไปเข้าห้องน้ำ ไม่มีเจตนาจะไม่เปิดเพลงตามที่นายโน้ตเข้าใจ แต่นายโน้ตอยู่ในอาการมึนเมาได้เรียกตนออกไปหน้าร้าน ก่อนใช้กำลังทำร้ายชกต่อยใบหน้าหลายครั้ง พร้อมใช้เท้าถีบใบหน้าและลำตัวประมาณ 7-8 ครั้ง จากนั้นได้ชักอาวุธปืนพกสั้นตบที่ขมับขวา 1 ครั้ง ในขณะนั้นภรรยาของตนที่มาช่วยทำงาน ถูกคนในร้านล็อกตัวเพื่อไม่ให้เข้ามาห้ามปราม กระทั่งนายโน๊ตกระทืบจนหนำใจ จึงให้ลูกน้องปล่อยภรรยาและรีบพาตนในสภาพสะบักสะบอม ขับรถหนีออกจากที่นั่น

ดีเจการ์ฟิลด์เล่าต่อว่า เหตุการณ์ยังไม่จบแค่นั้น ระหว่างนั้นนายโน้ตได้ขับรถยนต์ตามมา ด้วยความหวาดกลัวจะถูกทำร้ายซ้ำ จนให้ภรรยาขับรถไปหาพ่อที่รับราชการทหารอยู่ค่ายกฤษณ์สีวะรา จ.สกลนคร ก่อนจะพากันไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.เมืองสกลนคร โดยร้อยเวรได้ให้ตนไปตรวจร่างกายประกอบสำนวนคดีที่โรงพยาบาล ซึ่งจะไปพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม พร้อมกับพ่อและญาติๆ แจ้งความดำเนินคดีกับนายโน๊ตผู้ก่อเหตุ ยอมรับว่าหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก

นอกจากนี้มีแหล่งข่าวให้รายละเอียดเพิ่มเติม ว่า ร้านเหล้ากึ่งผับแห่งนี้ มักจะอ้างเสมอว่ารู้จักกับผู้ใหญ่ใน จ.นครพนมหลายคน ถึงขั้นท้าทายกฎหมายเทศกิจตั้งโต๊ะเหล้า จัดคอนเสิร์ตบนพื้นที่สาธารณะ ปิดทางขึ้นลงชมวิวของประชาชนและนักท่องเที่ยว รวมทั้งเปิดเกินเวลาทุกคืน เทศบาลเมืองฯจึงนำป้ายประกาศมาติดตั้งขวางไว้ ก็ถูกดราม่ากล่าวหาว่าไม่สวยงามต่อทัศนียภาพ

หน้าแรก » อาชญากรรม