วันที่ 30 สิงหาคม 2567 เวลา 15.00 น. ที่กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 42 อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมชาย ชื่อต่อสกุล ผู้บังคับการจังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติ ผู้ต้องหา จำนวน 3 ราย  ได้ของกลางยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 1,960,000 เม็ด พร้อมด้วยรถบรรทุก 10 ล้อพ่วง (หัวลาก) จำนวน 1 คัน รถยนต์กระบะ จำนวน 1 คัน รถจักรยานยนต์ จำนวน 1 คัน โทรศัพท์ จำนวน 4 เครื่อง
    
สำหรับพฤติการณ์ในการจับกุมสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2567 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่า สามารถสั่งซื้อยาบ้า จำนวน 5 ถุง หรือ 1,000 เม็ด จากนางสาวกันธิชาหรือแอ๋ว และนายวันเฉลิมหรือก๊ก ซึ่งได้ข้อมูลจากสายลับว่านายวันเฉลิมฯ มียาบ้าจำนวนมาก จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและมีคำสั่งให้ทำการล่อชื่อซื้อจับกุมในทันที จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ให้สายลับทำการล่อซื้อยาบ้า จำนวน 5 ถุง หรือ 1,000 เม็ด ใน ราคา 9,500 บาท จากนางสาวกันธิชาหรือแอ๋ว และนายวันเฉลิมหรือก๊ก จากนั้น น.ส.กันธิชาฯ ได้ให้นายอนันต์สิทธิ์หรือโด้ นำยาบ้าดังกล่าวมาส่งให้กับเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้จับกุมตัวนายอนันต์สิทธิ์ฯ ได้พร้อมของกลางยาบ้าบ้า จำนวน 1,000  เม็ด จากนั้นได้ขยายผลไปจับกุมตัว น.ส.กันธิชาฯ ที่บ้านเช่าไม่ทราบเลขที่ ในพื้นที่ตำบลกะปาง อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช และพบว่านายวันเฉลิมฯ กำลัง ขึ้นรถบรรทุก จะนำยาบ้าบ้า จำนวน 1,960,000 เม็ด ไปส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่จังหวัดพัทลุง จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงเข้าจับกุมได้พร้อมของกลาง ยาบ้าจำนวน 1,960,000 เม็ด และจากการสอบถามพบว่า มีนายสุรเชษฐหรือตุ๊ก บุญสิทธิ์ ซึ่งเป็นเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ของภาคใต้ เป็นผู้สั่งการอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน
    
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ยาเสพติดเป็นนโยบายของรัฐบาลที่กำหนดให้ยาเสพติดให้โทษเป็นวาระแห่งชาติและให้ทุกหน่วยงานร่วมบูรณาการในการป้องกันปรามปราม ซึ่งจังหวัดนครศรีธรรมราชได้มีการดำเนินการจับกุมมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้คดีอาชญากรรมต่าง ๆ ลดลง ครั้งนี้ฝ่ายปกครอง ตำรวจภูธรจังหวัด กองทัพภาคที่ 4  ป.ป.ส.ภาค 8 ตชด.42 บูรณาการร่วมจับกุมเครือข่ายยาเสพติด ถือว่าเป็นการทลายเครือข่ายของผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ เนื่องจากเป็นการตัดตอนยาเสพติดที่จะแพร่กระจายในชุมชนได้เป็นจำนวนมาก ด้านผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวเพิ่มเติมว่า ยาเสพติดที่จับได้ในครั้งนี้มีมูลค่าประมาณ 20,000,000 บาท พร้อมยึดทรัพย์สินมูลค่าประมาณ 2 ล้านบาท ในส่วนของผู้มีส่วนร่วนในการกระทำความผิดทั้งหมดเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจะได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการทางกฎหมาย สำหรับทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องจากการกระทำความผิดอยู่ระหว่างการตรวจสอบ เพื่อทำการขยายผลจับกุมผู้ต้องหาและคาดว่าจะสามารถจับกุมและยึดทรัพย์สินได้เพิ่มขึ้น