เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 22 ม.ค.  พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1 ,พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1 ,พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ รอง ผบช.ภ.1 ,พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1 ,พ.ต.อ.ประธาน นันทกอบกุล รอง ผบก.สส.ภ.1 ,พ.ต.อ.พีรศักดิ์ รอดบน รอง ผบก.สส.ภ.1 ,พ.ต.อ.มณเทียร เบ้าทอง รอง ผบก.ปฏิบัติราชการ บก.สส.ภ.1 ,พ.ต.อ.วิศิษฏ์ มะอักษร รอง ผบก.สส.ภ.1 ,พ.ต.อ.วิทิต จันทร์เอี่ยม รอง ผบก.สส.ภ.1 ,พ.ต.อ.นัฎฐพงษ์ ศรีเพ็ญประภา ผกก.สส.2 บก.สส.ภ.1 ,พ.ต.อ.นภธร วาชัยยุง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.ภ.1 ได่ร่วมกันจับกุมนายภูมิภัก อายุ 36 ปี พร้อมด้วยของกลาง บัตรประชาชนปลอม ทะเบียนรถปลอม ป้ายภาษีปลอม และอุปกรณ์ทำบัตรประชาชนปลอมจำนวนมาก โดยสามารถจับกุมได้ที่บ้านเช่า ซอยรังสิต-นครนายก 13 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี

ด้านนายภูมิภัก อายุ 36 ปี  ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ตนเองรับจ้างทำบัตรประชาชนในราคาใบละ 8,000 บาท ส่วนป้ายทะเบียนรถปลอมขายในราคา 3500 บาท และป้ายภาษีราคา 1000 บาท ส่วนตายางที่มีชื่อเจ้าที่ขนส่งนั้นตนเองดูตามอินเตอร์เน็ตแล้วก็เอามาทำ โดยตนเองทำมาแล้วประมาณปีกว่า โดยลูกค้าจะติดต่อมาแล้วตนก็ทำส่งไป ส่วนลูกค้าก็จะกระจายตามพื้นที่ต่างๆทั่วไป ส่วนลูกค้าจะเอาบัตรประชาชนไปทำอะไรนั้นตนเองก็ไม่เคยถามเพราะมีหน้าที่รับทำอย่างเดียว โดยลูกค้าบางคนก็สั่งให้ตนเองทำบัตรประชาชนขึ้นมาใหม่มากสุดจำนวน 4 ใบ ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะส่งรูปและข้อมูลมาเรา ก็จะมีการปรับส่วนสูงและปรับภาพตามที่ลูกค้าต้องการ โดยใช้เวลาทำบัตรประชาชนหนึ่งใบประมาณสองถึงสามวัน ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะแอด LINE และส่งข้อมูลมาให้ตน  และบางครั้งก็จะมีลูกค้าที่รับงานจากที่อื่นแล้วส่งมาให้ต้นทำก็มี   

ทางด้าน พ.ต.อ.นภธร วาชัยยุง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.ภ.1 กล่าวว่า จากการสืบสวนไปพบว่ามีคนรับทำบัตรประชาชนปลอมตามแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการทดลองซื้อซึ่งบางเจ้าก็หลอกเอาเงินมัดจำ  บางเจ้ากล้าเชิดเงินหนี ส่วนบางจากที่ส่งเราก็ทำการสืบสวนขยายผลต่อว่าที่มาเป็นอย่างไรตรงไหนในเบื้องต้นก็มีบางเจ้าที่เราได้ทำการจับกุมตัวไปแล้วเช่นซื้อมาขายไป  แต่ในครั้งนี้เราสืบสวนจนคาดว่า น่าจะเป็นแหล่งผลิตเราจึงได้ทำการขอหมายค้นจากศาลจังหวัดธัญบุรีเพื่อทำการตรวจค้น

จากการตรวจค้นเจอเอกสารปลอมจำพวกใบภาษีปลอมพร้อมสติกเกอร์ที่ใช้สติกเกอร์เงาที่เป็นแบบขนส่ง  แล้วก็มีตรายางที่เป็นชื่อเจ้าหน้าที่ บัตรประชาชนแบบแข็งทั้งที่ปลอมแปลงเสร็จเรียบร้อยแล้วทั้งที่ปลอมแปลงแล้วเสียและทั้งที่เตรียมจะปลอมแปลง ซึ่งในเบื้องต้นผู้ถูกจับกุมรับ ทำตามลูกค้า ทำตามออเดอร์ที่สั่ง ส่วนลูกค้าที่สั่งนั้นในเบื้องต้นตอนนี้เจ้าที่อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน ในการเข้าตรวจค้นและจับกุมครั้งนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้เป็นชายหนึ่งคน ซึ่งเราก็จะทำการขยายผลเพราะเชื่อว่าน่าจะมีมากกว่านี้อาจจะมีนายหน้าอาจจะมีผู้ส่งอุปกรณ์ ซึ่งอยู่ระหว่างการขยายผล ซึ่งผู้ต้องหาถูกจับกุมในครั้งนี้ก็โดน ดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหาปลอมแปลงเอกสารทางราชการปลอม แล้วจะตรวจสอบว่ามีความผิดอย่างอื่นหรือความผิดมูลฐานที่เกี่ยวกับ การฟอกเงินหรือไม่ ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนครับ

ทางด้าน พ.ต.อ.นภธร วาชัยยุง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.ภ.1 กล่าวเพิ่มเติมว่า ท่านผู้บัญชาการภาคหนึ่งได้มีการจัดให้มีการสายตรวจออนไลน์โดยมอบหมายทางกองการสืบสวนสอบสวน ภาค 1  สั่งการเพื่อตรวจสอบความผิดทางอาชญากรรมทั้งหมดที่เกี่ยวข้องบนโลกออนไลน์ ทางสายตรวจเราก็ได้มีการตรวจพบเสนอขายป้ายภาษีปลอมผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์จึงได้ทำการพิสูจน์ทราบโดยการทดลองซื้อปรากฏว่าสามารถซื้อได้จริงเราจึงได้ดำเนินการสืบสวนจนกระทั่งพบว่า ณ บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี มีการลักลอบปลอมเอกสารเราจึงได้ขอหมายค้นจากศาลจังหวัดธัญบุรี และในวันนี้เตาได้มาทำการตรวจค้นก็พบว่าเป็นแหล่งผลิตการทำเอกสารทางราชการปลอมจริง ซึ่งจากการตรวจค้นในวันนี้แบ่งเป็นสามส่วนอย่างแรกก็คือป้ายภาษีปลอม และบัตรประชาชนแข็งปลอมพร้อมทั้งป้าภาษีของขนส่งปลอม ในเบื้องต้นจากการสอบถามผู้ต้องหาให้การสารภาพว่าตัวเองเป็นผู้ผลิตเอกสารราชการปลอมนี้ขึ้นมาโดยทำตามคำสั่งของลูกค้าที่มีการสั่งการมาบนช่องทางออนไลน์แล้วก็ส่งให้ลูกค้าทางขนส่งพัสดุ  

โดยบ้านหลังนี้ที่ทางเจ้าที่เข้าตรวจค้นพบว่าเป็นบ้านเช่าโดยเช่ามาเป็นระยะเวลาหนึ่งปีเศษซึ่งหลังจากนี้ทางเจ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะได้ทำการขยายผลไปถึงผู้ซื้อ ก็ชื่อผู้ที่มีชื่อในบัตรประชาชน และส่วนของผู้ต้องหาก็ให้การรับสารภาพว่าได้ทำบัตรประชาชนปลอมและใช้บัตรประชาชนปลอมมาหลายปี ซึ่งการใช้บัตรประชาชนปลอมนี้ได้ดึงข้อมูลของผู้ที่ถือบัตรเลข 13 หลักชื่อนามสกุลที่อยู่แต่รูปที่ใช้เป็นรูปของผู้ต้องหาเอง ซึ่งในเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหากับนายภูมิภัก อายุ 36 ปี เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวปลอมแปลงเอกสารทางราชการ และหากตรวจพบว่ามีความเกี่ยวข้องกับข้อหาอื่นๆก็จะแจ้งให้ทราบภายหลัง