ตามที่รัฐบาลและ ตร.มีนโยบายเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและผู้มีอิทธิพล ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ อาชญากรรมข้ามชาติ คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และคนต่างด้าวถูกหลอกลวงหรือประกอบธุรกิจผิดกฎหมายซึ่ง ตร. ได้มีมาตรการให้หน่วยปฏิบัติตามนัยหนังสือ ตร. ด่วนที่สุด ที่ 000733/316 ลงวันี่  27  ม.ค.2568

โดยกองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 8 ภายใต้สั่งการของ พล.ต.ต.เลิศชาย จำปาทอง นำโดย พ.ต.อ.จิตปะพัทธ์ เอกโพธิ์ ผกก.ปพ.บก.สส.ภ.8 พร้อมลูกน้องจำนวน 30 นาย ปูพรมพื้นที่อำเภอทุ่งใหญ่ เพื่อกวาดล้างกลุ่มผู้กระทำผิดกฏหมาย จับกุมผู้ต้องหาเกี่ยวกับการรับจำนำรถโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด โดยกำลังตำรวจบุกตรวจค้นร้านคาแคร์แห่งหนึ่งในเขตเทศบาลตำบลท่ายาง อำเภอทุ่งใหญ่สามารถยึดรถยนต์15 คัน รถจยย. 3 คันรวมมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการตรวจค้นและยึดรถยนต์ 15 คัน รถจักรยานยนต์3 คัน โดยนำของกลางทั้งหมด นำมาส่งมอบพนักงานสอบสวน สภ.ทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช และเชิญเชิญเจ้าของร้าคาร์แคร์มาสอบสงนดำเนินคดีตามกฎหมาย

ซึ่งต่อมามี น.ส.ผึ้ง (นามสมมุติ) เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนและยอมรับว่าเป็นเจ้าของรถยนต์ของกลางที่ตำรวจจำนวน 4 คัน ในขณะที่นายโกมล (นามสมมุติ) มาพบพนักงานสอบสวนและยอมรับว่าเป็นเจ้าของรถยนต์ 11 คัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการสอบสวนปากคำเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป แต่สิ่งที่ประชาชนแปลกใจคือในส่วนของผู้ประกอบการเจ้าของร้านคาร์แคร์ สถานที่ตรวจค้นตรวจยึดรถของกลางที่เดินทางมามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้เป็นเจ้าของสถานประกอบการร้านคาร์แคร์ที่แท้จริง โดยเป็นเพียงลูกจ้างล้างรถในคาร์แคร์เท่านั้น ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่าการตรวจค้นจับกลุ่มในครั้งนี้ มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง สามารถเปลี่ยนตัวผู้ต้องหาจากเจ้าของร้านคาร์แคร์โดยใช้ให้ลูกจ้างล้างรถไปเป็นแพะรับบาปในคดีนี้แทนหรือไม่  ทั้งนี้เนื่องจากตัวผู้ประกอบการเจ้าของร้านคาร์แคร์ที่แท้จริง เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงอย่างกว้างขวางเป็นที่รู้จักกันทั่วทั้งอำเภอ ทุ่งใหญ่และใกล้เคียง.