จากเหตุการณ์ "น้องเก้า" อายุ 4 ขวบเสียชีวิตแบบมีพิรุธในกระต๊อบพบร่างอยู่ในกระต๊อบที่อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี สภาพตามร่างกาย และลำตัวมีรอยเขียวช้ำ ใบหน้าบวมปูดผิดรูป ตร.ได้สอบปากคำคนในบ้านครบทั้งหมดแล้ว พร้อมทั้งเก็บ DNA เป็นหลักฐานไปตรวจสอบว่า มีใครบ้างที่มีส่วนเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นต่อมาพบผู้ต้องสงสัยเพิ่มอีก 1 คน ซึ่งเป็นคนที่อยู่ในบ้าน นั้น

 ผู้สื่อข่าวรายงานจากจาก จ.ปราจีนบุรี ความคืบหน้าล่าสุดในคดีนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำตัวนายรัตน์ หรือ เอ๋ เป็นคนที่ดูแลเด็กเลี้ยงเด็ก มาทำการสอบสวนตลอดทั้งคืน  พร้อมตรวจสารเสพติดพบมีสารเสพติดในร่างกาย  ทางเจ้าหน้าที่จึงตั้งข้อกล่าวหา เสพยาเสพติดให้โทษ พร้อมให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข่าว

ต่อมา พล.ต.ต. เกียรติศักดิ์ สระทองออย  ผบก.ภ.จว.ปราจีนบุรี  พร้อมรอง ผบก. ได้เดินทางไปที่ สภ.ระเบาะไผ่ อ.ศรีมหาโพธิ  พร้อมเรียกชุดสืบสวนเข้าร่วมประชุม  ในการติดตามความคืบหน้าของคดี  และสั่งการการดำเนินการสอบสวนและสืบสวนให้สามารถติดตามตัวผู้ก่อเหตุ  และสาเหตุการเสียชีวิตของน้องเก้า

หลังจากเสร็จการประชุม  ผบก.ภ.จว.ปราจีนบุรี  ได้ให้สัมภาษณ์ว่า   จากเคสพบศพเด็กชายอายุ4 ขวบที่เกิดเหตุทาง ผกก. ฝ่ายสืบสวนและร้อยเวรฯ ได้ไปร่วมตรวจที่เกิดเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เบื้องต้นเราได้ส่งศพเด็กให้นิติเวชผ่าตรวจศพเด็กโดยละเอียด  เพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริงว่าเกิดจากสาเหตุใด 

เบื้องต้นทางกายภาพภายนอกเราพบ ตามลำตัวเด็กมีร่องรอยเหมือนถูกทารุณ ลักษณะคล้ายรอยไม้เรียวและรอยฟกช้ำหลายจุด  บริเวณใบหน้า สันนิษฐานเบื้องต้นว่า  เด็กน่าจะถูกทำร้ายส่วนสาเหตุในวันที่เด็กเสียชีวิต  เด็กอาจจะถูกทำร้ายหรือจากสาเหตุอื่นหรือไม่อย่างไร  ต้องรอผลชันสูตรจากแพทย์  เพื่อยืนยันผลการตาย

จากการเข้าไปที่เกิดเหตุได้คุยกับคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุ  ทราบว่า ก่อนวันเกิดเหตุ เด็กมีอาการท้องเสียปวดท้อง ทางคนในบ้านไม่มีใครพาเด็กไปหาแม่หรือหาหมอ  เป็นการปล่อยปละละเลยที่ทำให้เด็กมี อาการป่วย  ก็ทำให้เด็กมีร่องรอยอุจจาระเปรอะเปื้อนอยู่  ซึ่งอาจจะสอดคล้องกับให้การเรื่องของเด็กท้องเสีย  แต่การท้องเสียจะทำให้เด็กเสียชีวิตได้หรือไม่อย่างไร  ต้องรอผลชันสูตรจากแพทย์เพื่อยืนยันว่าสาเหตุการตายที่แท้จริงเด็กเสียชีวิตจากสาเหตุใด 

ส่วนผู้ที่เกี่ยวข้องตามแนวทางการสืบสวนสอบสวนเราจะสอบเพิ่มเติมเพื่อการแจ้งข้อหาเพิ่มเติม เบื้องต้นจะเป็นการปล่อยปละละเลยก่อน  เรากำลังดูกฎหมาย  ส่วนสาเหตุการเสียบชีวิต  ต้องดูผลทางการแพทย์ จากเคส.นี้ ผู้ที่อยู่ในบ้านก็เกี่ยวกับการตายหมด  ตอนนี้ยังระบุเป็นตัวบุคคลไม่ได้  อันนี้ต้องทำการสืบสวนต่อ และเมื่อคืนที่ผ่านมานายต้องตะวันหรือน้องอิง อายุ 18ปีลูกชายนายรัตน์ ได้ยอมรับสารภาพว่าเป็นคนทำร้ายร่างกายน้องเก้าขณะที่ไม่มีใครอยู่บ้าน จากนั้นทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับเรื่องราวที่เกิดขึ้น

ล่าสุดเมื่อช่วงสาย วันที่ 24 เม.ย. ตำรวจได้นำตัวนายต้องตะวัน อายุ 18 ปี หรือน้องอิง (ลูกชายนายรัตน)ที่เป็นคนดูแลเด็ก ซึ่งเกรงว่าจะมีแย่งความรักจากพ่อแม่ไปจากตนเอง โดยช่วงสงกรานต์อาศัยจังหวะคนเผลอ ทำร้ายร่างกายน้องหลายครั้ง และกระทั่งได้มาเสียชีวิตลงในเวลาต่อมา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

ขณะทำแผนผู้ก่อเหตุไม่ยอมปริปากพูดใดๆทั้งสิ้นท่ามกลางการอารักขาของตำรวจชุดสืบสวนทั้งในและนอกเครื่องแบบ และกำลังจาก นปพ.ซึ่งมีประชาชนมาดูการทำแผนประกอบคำรับสารภาพเกือบ 20 คน ระหว่างนั้นมีญาติของน้องที่เสียชีวิตมาดูการทำแผนของผู้ก่อเหตุด้วยความโกรธแค้น พยายามที่จะบุกเข้าไปทำร้ายผู้ก่อเหตุ ทางตำรวจเจรจาและกันไม่ให้ก่อเรื่องวุ่นวายขณะทำแผน ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาไปชี้จุดเกิดเหตุบริเวณรอบบ้าน 3 จุด จากนั้นรีบนำตัวออกจากจุดทำแผนทันที

น้าน้องเก้า บอกว่า มาดูการทำแผนรู้สึกแค้นมาก แค้นที่ผู้ต้องหาทำร้ายหลานตนเองจนเสียชีวิต แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรผู้ก่อเหตุได้ รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าคนที่ทำหลานเสียชีวิตจะต้องเป็นนายคนนี้ ถึงแม้ว่าจะมีการกล่าวแม่น้องเก้าเป็นคนทำร้ายน้องกล้าจนเสียชีวิต ตัวเองไม่เชื่อ  และหลายคนก็ไม่เชื่อถึงแม้แม่ของน้องเก้าจะเป็นคนพูดจาไม่รู้เรื่อง แต่ก็ไม่คิดทำลูกเด็กชาย

ขณะเดียวกันแม่ค้าของชำที่อยู่ละแวกใกล้เคียงกล่าวว่า รู้ข่าวแล้วไม่เชื่อว่าน้องอิงจะเป็นคนทำร้ายเด็กเสียชีวิตตามที่เป็นข่าว เพราะครอบครัวของน้องอิง  รวมถึงตัวน้องอิงมาซื้อของที่ร้านเป็นประจำ การพูดการจาของน้องอิงจะมีอัธยาศัยดีมากก็ไม่รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร