วันจันทร์ ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 22:57 น.

อาชญากรรม

ฆ่าโหด 3 ศพเผานั่งยาง พบร่างที่ 4 ถูกฝังดินสวนปาล์ม

วันอาทิตย์ ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 18.43 น.

เมื่อเวลาประมาณ 01.10 น. วันนี้ 11 พ.ค.68 ร.ต.อ.จักรกริช แก้วทอง รอง สว. (สอบสวน) สภ.สิเกา ได้รับแจ้งเหตุมีคนถูกเผานั่งยางเสียชีวิต จำนวน 3 ราย เหตุเกิดภายในร่องน้ำสวนปาล์มน้ำมัน พื้นที่ หมู่ 1 ต.กะลาเส อ.สิเกา จ.ตรัง หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ธีรภัทร ปิยะถาวร ผกก. สภ.สิเกา เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง

 
เกิดเหตุพบโครงกระดูและชิ้นส่วนมนุษย์ อวัยวะภายใน รวมจำนวน 3 ร่าง ถูกเผานั่งยางรถยนต์อยู่ในร่องคูน้ำ ซึ่งอยู่ระหว่างสวนปาล์มน้ำมัน 2 สวนติดกัน ทราบชื่อคือ นายสุรเชษฐ์ ล้วนเกียรติขจร หรือโกเชษฐ์ อายุ 69 ปี อยู่บ้านเลขที่ 63 ม.6 ต.ทรายขาว อ.คลองท่อม จ.กระบี่ นายอนันต์ โตชนก อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 121 ม.6 ต.ขุนทะเล อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช และนายวีระยุทธ ตั้นหนูลา อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 224 ม.7 ต.หนองบัว อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น ซึ่งทั้ง 2 คน เป็นลูกน้องของนายสุรเชษฐ์ ถัดขึ้นมาประมาณ 10 เมตร ในที่พักร้างภายในสวนปาล์มน้ำมันที่อยู่ติดกัน พบคราบเลือดกระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้น มีการนำน้ำมาราด และนำดินมากลบเพื่อทำลายหลักฐาน ใกล้กันพบแกลลอนสำหรับตักน้ำ 1 ถังตั้งอยู่ ปลอกกระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 1 ปลอก และปลอกกระสุนขนาด 11 มม. อีก 1 ปลอก ถัดออกไปด้านหน้าที่พักร้างพบขวดเปล่าซึ่งใช้ใส่น้ำมันที่เป็นเชื้อเพลิง 1 ขวด เจ้าหน้าที่หน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน โดยรถยนต์กระบะ ยี่ห้อมิตซูบิชิ และโทรศัพท์มือถือของผู้ตายทั้งหมดหายไป โดยคาดว่ากลุ่มคนร้ายนำหลบหนีไป

 

 
ต่อมาเวลา 13.00 น. วันเดียวกัน พล.ต.ตภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล ผบก.ภ.จว.ตรัง ตำรวจ กก.สส.ภ.9 ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.ตรัง และตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน ได้ลงมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ ได้พบหลุมฝั่งศพที่ถูกเผานั่งยางในหลุดอีก 1 แห่ง ซึ่งอยู่ภายในสวนปาล์มน้ำมันที่ผู้ตายดูแลอยู่ ถัดจากจุดที่เผานั่งยางทั้ง 3 รายประมาณ 300 เมตร พบบริเวณปากหลุมฝังกลบมีกิ่งต้นกระถินป่าแห้งปกคลุมอยู่ ทางผู้ใหญ่บ้านจึงได้นำจอบมาขุดลึกประมาณ 1 ฟุต พบเศษยางรถยนต์และรถสิบล้อมีร่องรอยถูกเผา ข้างกันมีเศษกระดูกมนุษย์จึงขุดหลุมขุดเพิ่มพบโครงกระดูกมนุษย์และชิ้นเนื้อที่กำลังเน่า ไม่ทราบเพศฝังอยู่ใต้ดิน มีกลิ่นเหม็นเน่าฟุ้งกระจาย นอกจากนี้พบกระป๋องกาแฟตกอยู่ 2 กระป๋องและรอยหักกิ่งไม้หน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน คาดว่ามีการกลบฝังมาประมาณ 2-4 สัปดาห์


เบื้องต้น พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล ผบก.ภ.จว.ตรังได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบและเก็บพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุอย่างละเอียด พร้อมประสานหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อตรวจสอบรายชื่อบุคคลสูญหาย ทั้งในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง เพื่อเร่งพิสูจน์อัตลักษณ์ของผู้เสียชีวิตว่ามีส่วนเชื่อมโยงกับเหตุการณ์เผานั่งยาง 3 ด้วยหรือไม่

 


นายเรืองศักดิ์ ล้วนเกียรติขจร ลูกชายของนายสุรเชษฐ หนึ่งในผู้เสียชีวิต เล่าว่า พ่อทำงานดูแลสวนปาล์มแห่งนี้ให้เจ้าของสวนมาประมาณ 3–4 ปีแล้ว ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะหรือขัดแย้งกับใครเลย เท่าที่ตนรู้ พ่อก็ไม่เคยเล่าให้ฟังว่ามีปัญหากับใคร หรือมีเรื่องอะไรผิดปกติ ก่อนเกิดเหตุ พ่อได้รับแจ้งว่ามีคนร้ายเข้ามาขโมยทะลายปาล์มน้ำมันในสวน จึงรีบเดินทางออกมาตรวจสอบพร้อมลูกน้องอีกสองคน โดยออกจากบ้าน ต.ทรายขาว อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ในเวลาประมาณบ่ายโมงกว่าๆ ของเมื่อวานนี้ หลังจากนั้นช่วงเย็น ผมเริ่มเอะใจว่าทำไมพ่อยังไม่กลับบ้าน ปกติพ่อจะกลับมาให้อาหารหมาทุกวัน ก็เลยเริ่มออกตามหา ได้สอบถามไปยังลูกน้องคนอื่นๆ จนทราบว่าพ่อเดินทางมาที่ จ.ตรัง จึงพยายามออกตามหาตามสวนปาล์มที่พ่อดูแล จนกระทั่งช่วงประมาณ 19.00 น. เข้ามาถึงสวนแห่งนี้ ก็เห็นแสงไฟลุกขึ้นจากร่องน้ำข้างสวน ผมเห็นไฟลุกขึ้นมา ตอนนั้นใจไม่ดีเลย รีบเข้าไปดู ก็เห็นเลยว่ามีคนถูกเผาอยู่ตรงนั้น ตอนนั้นก็รู้เลยว่าน่าจะเป็นพ่อกับลูกน้องแล้ว ก็รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที โดยตอนนั้นยังโดนไฟเผาไม่ทั้งหมด เห็นหัวกะโหลก ซึ่งคาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นแบบนี้


นายจำลอง ตี้พั้ว ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 กล่าวว่า ตามปกตินายสุรเชษฐ์ หนึ่งในผู้ตายจะกลับบ้านเป็นเวลาที่ อ.ทรายขาว จ.กระบี่ แต่เมื่อวานนี้ลูกชายไม่เห็นผู้ตายกลับเข้ามาที่บ้าน จึงโทรศัพท์หาแต่โทรไม่ติด เมื่อโทรหาลูกน้องที่ไปกับพ่อสายแรกโทรติดแต่ไม่มีผู้รับ เมื่อโทรหาอีกครั้งถูกปิดโทรศัพท์ไปแล้ว จึงออกมาตามที่สวนปาล์ม พบมีแสงเพลิงอยู่ภายในร่องปาล์ม จึงรีบแจ้งตำรวจร่วมตรวจสอบ ก่อนชาวบ้านบรรทุกรถน้ำมาช่วยดับก็พบเศษกระดูกและชิ้นส่วนมนุษย์อยู่ในกองเพลิง สำหรับผู้ตายนั้นดูแลสวนปาล์มแห่งนี้มานานแล้ว ให้กับเจ้าของสวนที่อยู่ใน อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช โดยมีเนื้อที่ 100 กว่าไร่ แต่บางส่วนอยู่ในที่ดินป่าชายเลน ซึ่งได้ถูกตรวจยึดไปแล้วบางส่วน โดยเข้ามาใส่ปุ๋ย และดูแลความเรียบร้อยเป็นประจำ ไม่เคยมีเรื่องขัดแย้งกับคนในพื้นที่แต่อย่างใด แต่เมื่อช่วงปลายเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ผู้ตายได้โทรหาตนเรื่องที่มีคนมาลักขโมยลูกปาล์มในสวน และยังบอกกับตนว่าให้คุยกับนายบิน ซึ่งดูแลสวนปาล์มที่อยู่ติดกันอีกสวนหนึ่งประมาณ 36 ไร่ เรื่องจะให้ดูแลสวนปาล์มเพื่อกันขโมย และต้นเดือน พ.ค. โทรหาตนอีกรอบแต่ตนไม่ได้รับสาย จนมาเกิดเหตุสลดครั้งนี้ ส่วนสาเหตุตนมองว่าสาเหตุอาจจะมาจากปัญหาเรื่องความขัดแย้งเกี่ยวกับสวนยางพารา และปัญหาที่มีคนร้ายเข้ามาขโมยผลปาล์มน้ำมัน เพราะเท่าที่ทราบไม่เคยมีปัญหากับใครมาก่อน

 


ส่วนพฤติการณ์คาดว่า ภายหลังกลุ่มผู้ตายเดินทางมาถึง น่าจะบังเอิญเจอกับกลุ่มคนร้าย ซึ่งอาจจะเข้ามาลักขโมยปาล์ม หรือกลุ่มอื่นๆที่หวังจะเข้ามาหาผลประโยชน์ในพื้นตรงนี้ ก่อนจะมาพูดคุยในที่พักร้าง ซึ่งอยู่ภายในสวนที่ติดกัน ซึ่งพบคราบเลือดและปลอกกระสุน โดยน่าจะมีปัญหาพูดคุยกันไม่ลงตัว กลุ่มคนร้ายจึงคาดว่าน่าจะใช้อาวุธปืนยิงกลุ่มผู้ตายบางคน หรืออาจจะทั้งหมด ก่อนนำไปเผานั่งยางเพื่ออำพรางคดีร่องคูน้ำที่อยู่หลังที่พักร้างดังกล่าว ซึ่งอยู่ห่างกันแค่เพียง 10 เมตร และนำพาทรัพย์สิน ซึ่งเป็นรถยนต์และมือถือของผู้ตายไปด้วย โดยคาดว่ากลุ่มคนร้ายน่าจะรู้จักกับผู้ตายเป็นอย่างดี ส่วนอีก 1 ศพที่พบถูกเผานั่งยางและฝังดินเอาไว้เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 สัปดาห์นั้นยังอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดนี้ด้วยหรือไม่ และเป็นใครนั้นขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลเนื่องจากในพื้นที่ไม่พบมีการแจ้งบุคคลสูญหาย


เบื้องต้นนายศุภกรณ์ หรือบิน (สงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี ชาว ต.กะลาเส อ.สิเกา จ.ตรัง ซึ่งเป็นผู้ดูแลปาล์มน้ำมันจำนวน 36 ไร่ ซึ่งเป็นสวนที่อยู่ติดกัน ได้ตกเป็นผู้ต้องสงสัย โดยขณะนี้ยังติดตามไม่พบตัว ส่วนมูลเหตุคาดว่าเป็นความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์สวนปาล์มน้ำมัน โดยคาดว่ากลุ่มคนร้ายต้องมีไม่ต่ำกว่า 3 คนในการลงมือก่อเหตุ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 100 นาย ได้กระจายกำลังออกหาพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำอย่างละเอียด เพื่อนำตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

หน้าแรก » อาชญากรรม