วันอังคาร ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 09:10 น.

อาชญากรรม

กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เผยคนร้ายลอบยิงสองสามีภรรยาพื้นที่อำเภอรามัน โยงปืน 3 คดีหลัก

วันจันทร์ ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 19.55 น.

วันที่ 19 พ.ค.68 ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กอ.รมน.ภาคที่ 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี พ.อ.เกียรติศักดิ์ ณีวงษ์ โฆษก กอ.รมน.ภาค4 สน. ได้แถลงข่าว กรณีเหตุคนร้ายลอบยิง นายบือราเฮง  สีละรู อายุ 47 ปี และ นางสาว สตีมาลีแย  อัปดุลเล๊าะ อายุ 46 ปี สองสามีภรรยาเสียชีวิต บริเวณบ้าน ตำบลจะกว๊ะ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2568 เวลา 1930 น. ที่ผ่านมา โดยเหตุเกิดขณะ นายบือราเฮงฯ กำลังนั่งเล่นอยู่หน้าบ้าน และ นางสาวสีตีมาลีแยฯ กำลังอาบน้ำอยู่ข้างบ้าน ภายหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่เพื่อเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน พบปลอกระสุนปืนคาร์บิน ขนาด 0.30 มิลลิเมตร ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ จำนวน 1 ปลอก และเศษกระสุน จำนวน 1 ชิ้น สำหรับแรงจูงใจในการก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ตั้งปมขัดแย้งเรื่องส่วนตัว แต่ยังไม่ตัดประเด็นการสร้างสถานการณ์ในพื้นที่ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะเร่งสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน รวมทั้งพยานแวดล้อมในที่เกิดเหตุ เพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็วที่สุดต่อไป

ซึ่งภายหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวได้เกิดขึ้น มีกระแสข่าวทางสื่อโชเชียลพยายามบิดเบือนโยนความผิดว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งนี้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐอย่างแน่นอน อีกทั้งไม่มีสาเหตุใดที่เจ้าหน้าที่ต้องไปกระทำการอย่างนั้น เนื่องจากบ้านเมืองมีหลักกฎหมายสำหรับบังคับใช้ หากพบว่าบุคคลใดเข้าข่ายกระทำผิดตามกฎหมายก็สามารถนำกฎหมายมาบังคับใช้กับบุคคลนั้นๆได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรงแต่อย่างใด ทั้งนี้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมขอให้การยืนยันกับพี่น้องประชาชนว่าจะนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษตามกฎหมายโดยเร็วที่สุด และขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนกรุณาตรวจสอบข่าวสารที่ได้รับทราบอย่างรอบคอบถี่ถ้วน เพื่อที่จะไม่ตกเป็นเครื่องมือของผู้ไม่หวังดีต้องการสร้างความรุนแรง หวังผลความแตกแยกของพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อวัตถุประสงค์แอบแฝงทางการเมืองต่อไป

สำหรับผลการตรวจพิสูจน์อาวุธปืนที่ใช้ในเหตุการณ์ความรุนแรงหลายคดีในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความเชื่อมโยงกัน โดยสามารถสรุปได้เป็น 3 คดีหลัก ดังนี้

1. กรณีเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 เวลาประมาณ 06.00 น. คนร้ายใช้อาวุธปืนยิง ร.ต.ท.วัฒนารมย์ ชูปาน ระหว่างขับรถออกจากวัดพร้อมพระ-สามเณร ทำให้สามเณรมรณภาพ 1 รูป และบาดเจ็บหลายราย ในพื้นที่ หน้าวัดเกาะอภินิหาร หมู่ที่ 6 ตำบลเปียน อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ผลการตรวจพิสูจน์ปลอกกระสุนจำนวน 30 ปลอก ยืนยันว่ายิงมาจากปืน M16 กระบอกเดียวกัน ตรวจพบประวัติในสารบบของ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 จำนวน 6 คดี ที่สำคัญพบว่าเคยใช้ยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารและประชาชนมาแล้วจำนวนมากเป็นเหตุให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร เสียชีวิต จำนวน 2 นาย และประชาชนเสียชีวิต จำนวน 4 ราย

2. กรณีเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 เวลาประมาณ 15.30 น. คนร้ายใช้อาวุธปืนยิง นางสง่า แสงย้อย หญิงชรามีความพิการทางสายตา เสียชีวิต และนายทัศไนย์ ตั้งคง  บาดเจ็บ ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์มาจากโรงพยาบาลจะแนะ เพื่อที่จะกลับบ้าน เหตุเกิดบนถนนรอยต่อ หมู่ที่ 4 กับ หมู่ที่ 5 ตำบลช้างเผือก อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่และเก็บหลักฐานวัตถุพยานพบปลอกกระสุนปืนออโตเมติก ขนาด 9 พบว่ามีประวัติเคยใช้ก่อเหตุรวม 3 คดี กรณียิงเจ้าหน้าที่ทหารพราน และประชาชนเสียชีวิตรวม 2 ราย

3. กรณีเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 เวลาประมาณ 19.45 น. คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงชาวบ้าน บ้านเลขที่ 1/3 และ 1/4 หมู่ที่ 5 ตำบลโฆษิต อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บ 2 ราย โดยหนึ่งในผู้เสียชีวิตเป็นเด็กหญิงวัย 9 ขวบ เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่และเก็บรวบรวมวัตถุพยานพบปลอกกระสุนปืนเล็กกล ขนาด 5.56 มิลลิเมตร จำนวน 29 ปลอก ใช้ยิงมาจากปืน จำนวน 2 กระบอก โดยกระบอกที่ 1 พบว่าใช้ก่อเหตุมาแล้ว 26 คดี เคยใช้ยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร สมาชิกกองอาสารักษาดินแดนชุดคุ้มครองตำบล พระสงฆ์ และประชาชนในพื้นที่เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ส่วนกระบอกที่ 2 ได้มาจากการทำร้ายสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ขณะลาดตระเวนเส้นทางรักษาความปลอดภัยครู บริเวณถนนริมคลองชลประทานบ้านโคกยาง หมู่ที่ 5 ตำบลพร่อน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เป็นเหตุให้ สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน สนธยา  ชัยสิทธิ และ สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน อมร  บุญทอง เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และคนร้ายได้ปล้นเอาอาวุธประจำกายไปด้วย และนำไปใช้ก่อเหตุมาแล้ว 4 คดี ส่วนปลอกกระสุนปืนออโตเมติก ขนาด 9 มิลลิเมตร ที่พบในที่เกิดเหตุพบว่าใช้ยิงมาจากอาวุธปืนที่ก่อเหตุมาแล้ว จำนวน 3 คดี มีประชาชนเสียชีวิตจำนวน 1 ราย

โดยทั้งหมดเกิดขึ้นจากการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงและแนวร่วมโดยมุ่งหวังเพื่อให้เกิดความหวาดระแวง สร้างความแตกแยกในสังคม ด้อยค่าเจ้าหน้าที่รัฐ และต้องการให้ประชาชนตอบโต้กันไปมา เพื่อที่จะให้เข้าสู่ภาวะที่ควบคุมไม่ได้ สร้างเงื่อนไขต่าง ๆ ที่จะเปิดโอกาสให้กลุ่มขบวนการ แบ่งแยกดินแดนได้สำเร็จในที่สุด ทั้งนี้ขอให้พี่น้องประชาชนทุกภาคส่วนได้โปรดใช้วิจารณญาณในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร อย่าตกเป็นเครื่องมือของผู้ใช้ความรุนแรง สำหรับคดีต่างๆที่เกิดขึ้นในพื้นที่ทุกคดี เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายไม่ได้นิ่งนอนใจ จะรีบเร่งสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็วที่สุด
 

หน้าแรก » อาชญากรรม