วันที่ 29 พฤษภาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนายวิสุทธิ์ อายุ 41 ปี เจ้าของร้านค้า PX ภายในมณฑลทหารบกที่ 41 ค่ายวชิราวุธ จังหวัดนครศรีธรรมราช หลังพบลักลอบจำหน่ายชิ้นส่วนประกอบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนผิดกฎหมาย ผ่านระบบขนส่งเอกชน โดยถูกจับกุมเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา

ล่าสุด ตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ ชุดสืบสวนสอบสวนโดยการนำของ พ.ต.อ.นัษฐวุฒิ ทองทิพย์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เรียกประชุมที่ศูนย์ปฏิบัติการสถานีตำรวจภูธรเมืองนครศรีธรรมราช ตั้งแต่เวลา 09.00 น. เพื่อติดตามความคืบหน้าคดี โดยมีคำสั่งห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจระดับปฏิบัติการให้ข่าวกับสื่อมวลชน ให้เป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาเท่านั้น

แหล่งข่าวจากภายในเผยว่า ขณะนายวิสุทธิ์ถูกควบคุมตัวมายัง สภ.เมืองนครศรีธรรมราช มีสีหน้าเคร่งเครียดเล็กน้อย โดยระหว่างการสอบสวนได้ให้การรับสารภาพตลอดทุกขั้นตอน อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถเปิดเผยว่าซัดทอดถึงบุคคลใดบ้าง แต่เชื่อมโยงไปถึงการยึดทรัพย์สินอย่างแน่นอน การขยายผลเชิงลึกได้เริ่มต้นจากเส้นทางการเงินของบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งมีชื่อของพ่อตาและน้องสาวภรรยาของผู้ต้องหาเป็นกรรมการร่วมด้วย แต่เบื้องต้นยังไม่พบว่าทั้งสองมีส่วนเกี่ยวข้อง คาดว่าเป็นการใช้ชื่อเพื่อจดทะเบียนเท่านั้น นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบบัญชีส่วนตัวของนายวิสุทธิ์อีกกว่า 10 บัญชี โดยมีเงินหมุนเวียนรวมมากกว่า 20 ล้านบาท

ทั้งนี้ ยังพบข้อมูลเพิ่มเติมว่า นายวิสุทธิ์เตรียมก่อสร้างสนามยิงปืนในพื้นที่ตำบลโพธิ์ทอง อำเภอท่าศาลา แต่ยังไม่ได้รับอนุญาตจัดตั้งหรือเปิดบริการอย่างเป็นทางการ ในด้านคดีความ เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้แจ้ง 3 ข้อกล่าวหา ได้แก่ 1. ครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต 2. ครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ 3. ลักลอบจำหน่ายอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิด นอกจากที่กำหนดในกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา 55 มีโทษสูงสุดจำคุก 20 ปี ถึงจำคุกตลอดชีวิต

ในส่วนของต้นทางอาวุธและเครื่องกระสุนที่ตรวจยึดได้กว่า 20,000 นัด มีทั้งขนาด 5.56 มม. (สำหรับปืนเอ็ม 16), ขนาด 7.62 มม. (สำหรับปืนกล) พร้อมหีบเหล็กบรรจุและซีเรียลนัมเบอร์ โดยการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีที่มาจากหน่วยงานด้านความมั่นคงแห่งหนึ่ง คาดว่ามีบุคคลในหน่วยงานเกี่ยวข้องอย่างน้อย 2 ราย ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอออกหมายจับ

เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ผู้ต้องหารับสารภาพหรือไม่ว่าจำหน่ายอาวุธให้กับกลุ่มใดและอยู่ในประเทศหรือต่างประเทศ เจ้าหน้าที่ชี้แจงว่า จากข้อมูลเบื้องต้นคาดว่าเป็นขบวนการที่ผู้ต้องหาไม่ได้กระทำเพียงลำพัง โดยต้นทางลูกค้าบางส่วนเป็นชนกลุ่มน้อยในภาคเหนือ ซึ่งยังอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลต่อไป

ตำรวจยืนยันดำเนินคดีเด็ดขาด พร้อมเร่งติดตามผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม และเตรียมยึดทรัพย์ตามเส้นทางการเงินเพื่อขยายผลคดีต่อเนื่อง.