วันพุธ ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 19:20 น.

อาชญากรรม

ญาติคาใจปมเหตุ-อาวุธที่สองพ่อลูกใช้ฆ่าสองพี่น้องดับ

วันจันทร์ ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 17.02 น.

จากกรณีที่นายณัฐพล อายุ 50 ปี กับนายนวพล  อายุ 24 ปี สองพ่อลูกที่ใช้อาวุธปืนยิงนายเจษฎากร แก้วใส่หุ่น  อายุ 49 ปี และนายประมาณ แก้วใส่หุ่น  อายุ 44 ปี  สองพี่เสียชีวิต  เหตุเกิดเมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 28 มิ.ย.68 ที่ผ่านมา ซึ่งมือปืนนั้นอ้างว่ามีเหตุขัดแย้งกันมานาน
   
ล่าสุดวันที่ 30 มิ.ย.68ทางญาติๆของผู้ตายทั้งสองคนได้นำศพของสองพี่น้องมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดตาลเรียง  อ.ดำเนินสะดวก  จ.ราชบุรี โดยตั้งคู่กันในศาลาและมีบรรดาญาติของผู้ตายทั้งสองคนมาคอยช่วยจัดการเรื่องงานศพ
   
จากการสอบถามนางสาวน้ำค้าง อายุ 43 ปี อดีตภรรยาของนายประมาณ  ผู้เสียชีวิต และนางสาววชิราภรณ์ อายุ 48 ปี พี่สาวของนางสาวน้ำค้าง  ก็บอกว่า ตอนนี้ญาติยังติดใจเรื่องของบาดแผลของผู้ตาย โดยเฉพาะนายประมาณซึ่งเป็นน้องชายนั้นมีบาดแผลฉีกขาดบริเวณสีข้าง  ส่วนนายเจษฎากรนั้นมีบาดแผลที่หน้าอก  ซึ่งหากถูกอาวุธปืนอย่างเดียวบาดแผลคงจะไม่กว้าง  เกรงว่าอาจจะใช้อาวุธมีดร่วมด้วยหรือไม่ ส่วนสาเหตุที่มือปืนอ้างว่าขัดแย้งเรื่องธุรกิจนั้น  ไม่เชื่ออย่างแน่นอน เพราะนายเจษฎากร ซึ่งเป็นพี่นั้นทำงานเป็นลูกจ้างของเทศบาลตำบลบัวงาม  ส่วนนายประมาณซึ่งเป็นน้องชายนั้นทำงานขับรถรับส่งนักเรียนและรับจ้างส่งของ  ซึ่งไม่มีธุรกิจอะไรที่จะไปขัดแย้งกัน  ส่วนสาเหตุที่พอจะทราบมาคือนายเจษฎากรกับนายณัฐพล  สุ่มเลิศ (มือปืน) นั้นมีเรื่องบาดหมางกันมาหลายปี ซึ่งเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ ไม่น่าจะใช่ประเด็นที่จะมาฆ่ากัน  แต่เรื่องอื่นนั้นไม่รู้ โดยเฉพาะนายประมาณนั้นไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยและจะเป็นคนกลางคอยห้ามพี่เวลาถูกมือปืนพูดแขวะด้วยซ้ำ  ก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องยิงทั้งคู่  ซึ่งครอบครัวของนายประมาณนั้นมีลูก 3 คน เป็นลูกสาวฝาแฝด 1 คู่และผู้ชายอีก 1 คน ก็จะเดินทางไปที่สภ.หลักห้า เพื่อสอบถามเรื่องที่ยังติดใจ ทั้งบาดแผลและเรื่องของประเด็นที่ก่อเหตุรวมทั้งจะขอคัดค้านการประกันตัวด้วย  
   
ด้านพ.ต.อ.ณัฏฐ์   พิพัฒน์สวัสดิ์  ผกก.สภ.หลักห้า  ก็บอกว่าเรื่องที่ญาติคนตายติดใจนั้นสามารถสอบถามได้ที่พนักงานสอบสวน และทางตำรวจก็จะคัดค้านการประกันตัวด้วย เพราะถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์ที่ประชาชนให้ความสนใจ  
   
ต่อมาทางญาติของผู้ตายทั้งสองคนได้เดินทางเข้าพบกับพ.ต.ท.กิตติ  วิเศษสิงห์  สารวัตรสอบสวนสภ.หลักห้า  เพื่อสอบถามเรื่องที่ยังติดใจอยู่  หลังจากที่มีการเข้าไปพูดคุยก็ออกมาบอกว่าทางตำรวจได้ชี้แจงทุกกรณีแล้ว  และจะทำสำนวนคดีให้รัดกุม  ซึ่งทางญาติๆก็พอใจในคำตอบแล้ว
    
ต่อมาได้มีน.ส.นา(นามสมมุติ)  อายุ 49 ปี ภรรยาของนายณัฐพล  (มือปืน) ได้เดินทางมาเยี่ยมพร้อมกับให้ข้อมูลว่า ในวันเกิดเหตุนั้นตนกับมือปืนและลูกชายซึ่งเป็นลูกติดนายณัฐพล  ได้ไปเที่ยวงานที่วัดตาลเรียงซึ่งอยู่ใกล้กับบ้าน  และไปพบกับนายเจษฎากร   ที่มาเที่ยวงานเหมือนกัน  จึงเกิดการมองหน้าและพูดจาแขวะกัน จนมีเรื่องชกต่อยกัน ซึ่งตนกับนายประมาณน้องชายคนตายก็พยายามห้ามกันและให้นายณัฐพล กลับบ้าน ส่วนตนเองนั้นเดินทางกลับมาทีหลัง และเมื่อถึงจุดเกิดเหตุเขาก็มีเรื่องกันไปแล้ว สามีได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกมาโดยมีตนนั่งซ้อนท้ายมาด้วย  ซึ่งสามีนั้นร้องไห้ตลอดเวลา ทำให้ตนได้บอกให้สามีจอดรถ  เขาจึงบอกยิงนายเจษฎากรกับนายประมาณไปแล้ว  ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้างเพราะหลับหูหลับตายิงเนื่องจากสู้นายเจษฎากรไม่ไหว  จึงได้มาคว้าปืนใต้เบาะรถไปยิง  ตนจึงได้ให้สามีตั้งสติและขอให้ทางผู้ใหญ่ติดต่อขอมอบตัว เพราะทำผิดจริง  ซึ่งตนยืนยันว่าไม่ได้พาสามีหนี แต่สามีขี่รถพาตนออกมาตั้งหลักก่อนจะมอบตัว  ก็เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะทั้งหมดก็เป็นเพื่อนกัน  แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ยอมรับสภาพ  ส่วนที่ว่าจะเข้าไปขอโทษกับทางญาติคนตายนั้นก็จะประสานไปทางผู้ใหญ่อีกครั้ง เนื่องจากเข้าใจอารมณ์ของผู้ที่สูญเสีย
    
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้นำตัวสองพ่อลูกออกมาทำการสอบปากคำ  ซึ่งผู้สื่อข่าวพยายามที่จะสอบถามถึงสาเหตุที่ต้องยิงสองพี่น้องดับ  แต่สองพ่อลูกก็ไม่ยอมพูดจาใดๆเลย

หน้าแรก » อาชญากรรม