วันที่ 7 ส.ค 68 ร.ต.ท.หญิง เบญจมาส เจนฐิติพันธ์ พนักงานสอบสวน สภ จอมทองเชียงใหม่ ได้รับแจ้งจากทางผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 14  ต แม่สอย อ จอมทองเชียงใหม่ ว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาด ยิงเข้าใส่ในรถกระบะจำนวน 1 นัด ขณะขับขี่ริมถนนภายในหมู่่บ้านบ้านกล้วยตำบลแม่สาย อำเภอจอมทอง หลังเกิดเหตุคนร้ายได้หลบหนีมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้นและรุดไปยังที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.ท.ดำรงศักดิ์ จุ้ยพิทักษ์ หัวหน้าพนักงานสอบสวน พ.ต.อ.สิโณทัย ลิลิตธรรม ผกก สภ จอมทองเชียงใหม่ พร้อมด้วย ชุดสืบสวนและหน่วยกู้ภัย  จอมทอง

ที่เกิดเหตุพบผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 คน ประกอบด้วยนายจ่อ ไม่มีนาสกุล อายุ 39 ปี ต.แม่สอย อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่, นางหยิ่น ไม่มีนาสกุล อายุ 30 ปี ต.แม่สอย อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ด.ช.ชะออง อายุ 10 ปี ต.แม่สอย อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ทางเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้บาดเจ็บส่ง รพ จอมทอง แพทย์ได้ทำการรักษา จนอาการปลอดภัยทั้งสามคน ส่วนผู้ก่อเหตุเจ้าหน้าทีทราบชื่อต่อมาว่า คือ นายจี อายุ 44 ปี หลังก่อเหตุได้หลบหนีไป

จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบรถกระบะสีขาวของผู้เสียหาย จอดอยู่สภาพมีรอยกระสุนลูกซองที่ตัวถังรถและกระจกมองข้างรถ ทางเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปสอบปากคำผู้เสียหายที่ รพ จอมทอง จากการสอบถามผู้ขับขี่รถกระบะ ให้การว่าขณะขับรถออกจากสวนได้ยินเสียงดังคล้ายเสียงปืน จำนวน 1 ครั้ง จึงได้จอดรถพบมีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 ราย ที่หลังรถ พบเห็นผู้ก่อเหตุวิ่งหนีเข้าไปในป่า ยืนยันว่าเป็นนายจี ทราบชื่อนามสกุล ภายหลัง คือ นายจี อภิรักษ์ลิขิต เป็นผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ 

ทางเจ้าหน้าที่เชื่อว่ามูลเหตุในครั้งนี้เกิดจากโกรธเคืองในเรื่องส่วนตัวทางพนักงานสอบสวน จึงได้ออกตรวจที่เกิดเหตุถ่ายภาพที่เกิดเหตุ และจัดทำแผนที่เกิดเหตุไว้ สืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน หาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อมาในวันเดียวกัน เวลา 21.00 น เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.จอมทอง ได้ร่วมกันปิดล้อมบ้านพัก ผู้ก่อเหตุ และสามารถจับกุมผู้ก่อเกตุได้ 

เบื้องต้นผู้ก่อเหตุยอมรับว่าก่อเหตุจริง จากสาเหตุโกรธแค้นเรื่องส่วนตัว กับคนพวกนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดของกลางที่พบ -เครื่องกระสุนปืน พร้อมปลอกกระสุนปืน จำนวน 3 นัด ยาบ้า จำนวน 3 เม็ด ส่วนอาวุธปืนของกลาง ผู้ต้อ้งหารับว่านำซ่อนไว้ กลางป่าท้ายหมู่บ้าน  แต่ไปตรวจสอบแล้วยัวไม่พบเพราะอยู่ในความมืด ซึ่งจะได้ดำเนินการตรวจค้นหาของกลางอีกครั้งในตอนรุ่งเช้า ก่อนทำการควบคุมตัวผู้ต้องหาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป