วันที่ 11 ก.ย. 68 ตร.สายตรวจ สภ.เมืองอุดรธานี รับแจ้งจากรปภ.ศูนย์การค้าเซ็นทรัล  แจ้งว่า ควบคุมตัวนายภาคิน อายุ 30 ปี หรือชื่อเล่น “เต๋า” ชาวอ.ประจักษ์ศิลปาคมเอาไว้ได้ หลังก่อเหตุจะขโมยแหวนทองทำหนัก 50 สตางค์ มูลค่า 28,900 บาทจากร้านทองในศูนย์การค้าไป ต่อมาตร.สายตรวจเดินทางไปรับนำตัวมาสอบถามข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ขณะเดียวกันพนักงานของร้านทองฯ ก็ได้เดินทางมาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานประสงค์ไม่ดำเนินคดีเพราะได้แหวนทองคืนแล้ว พร้อมกับนำภาพวงจรปิดให้ดู เป็นภาพขณะที่นายเต๋า ใส่เสื้อสีชมพูกางเกงยีนส์สีน้ำเงิน สะพายกระเป๋าห้าง เดินเข้าไปในร้านทองแห่งหนึ่งที่ชั้น 3 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล จากนั้นก็บอกพนักงานว่า ขอดูแหวนสักวง จากนั้นก็สวมใส่นิ้วมือด้านซ้าย แถมถามพนักงานว่า หากผมเดินออกจากร้นไม่จ่ายเงินจะมีความผิดไหม ไม่นานนายเต๋าก็เดินออกจากร้าน พนักงานตกใจวิ่งตามดึงแขนเอาไว้ได้ และขอแหวนคืน นายเต๋าก็บอกว่าพนักงาน แจ้งตร.จับผมให้หน่อย ผมอยากติดคุก

น.ส.แพมมี่ อายุ 29 ปี รองหัวหน้าสาขาร้านทองฯ บอกว่า ก่อนเกิดเหตุนายคนนี้ได้เดินเข้ามาในร้าน ขอดูแหวนทองคำแท้หนัก 50 สตางค์ เราก็นึกว่าเป็นลูกค้าที่ธรรมดาทั่วไป  ก็ยื่นแหวนทองคำให้พอเขาสวมใส่นิ้วด้านซ้ายแล้ว เขาก็ถามว่า  ถ้าวิ่งออกไปตำรวจจะจับไหม พนักงานก็บอกว่า จับค่ะพี่ จากนั้นนายเต๋าก็เดินออกไปจากร้านเลย พนักงานก็วิ่งไปดึงแขนกลับมาที่ร้าน เขาก็ถอดแหวนให้ แล้วบอกพนักงานว่า แจ้งตำรวจจับผมหน่อย ผมอยากติดคุก  พวกเราก็ถามเกิดอะไรขึ้น เขาก็บอกว่า เขามีปัญหาครอบครัว เห็นพูดไปก็เห็นร้องไห้ไปด้วยเห็นแล้วก็สงสาร เมื่อทางร้านได้แหวนคืนก็ไม่เอาเรื่อง

นายเต๋า บอกกับนักข่าวว่า ผมเครียดจริงๆ ครับพี่ เครียดปัญหาครอบครัวตั้งใจเดินเข้าห้างทองทำทีขอแหวนใส่แล้วเดินหนีออกจากร้าน เพื่อจะให้ตร.จับ สาเหตุที่ผมทำแบบนี้ผมเครียดเรื่องครอบครัว หนี้สิน โดยเฉพาะเรื่องเงิน มันคมมาก มีเงินมันใช้ได้ทุกอย่าง แต่เงินทุกวันนี้เงินมันหายากลำบาก การเงินผมติดลบ จึงทำให้ผมเครียดมาก จึงตัดสินใจวันนี้ อยากติดคุกให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย

จริงๆ แล้วผมทำงานเป็นพนักงานส่งของที่ห้างดังในจ.อุดรธานี แม้ผมมีเงินเดือนแต่เงินเดือนชักหน้าไม่ถึงหลัง รวมทั้งมีหนี้สินด้วย เมียผมก็ไม่มีงานทำเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูก 3 ขวบที่บ้านอ.ประจักษ์ฯ  ผู้สื่อข่าวถามว่า แล้วทำแบบนี้เพื่ออยากติดคุกจะแก้ปัญหาได้หรือ จะทิ้งปัญหาให้ภรรยาและแม่แก้ยังไง นายเต๋าก็บอกว่า ผมทำไปเพราะคงเป็นอารมร์ชั่ววูบครับ ตอนนี้คิดได้แล้ว ยอมรับผมเสพยาด้วย 1-2 เม็ด ดื่มเหล้ามาได้จึงทำให้กล้าทำแบบนี้ ตร.ตรวจฉี่เจอสารเสพติด ดำเนินคดีในข้อหา “เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1(บาบ้า) ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วนร้านทองไม่เอาเรื่องเพราะเห็นเรื่องราวแล้วสงสารและได้แหวนทองคืน

ต่อมาแม่ยายและภรรยาอุ้มลูกน้อยวัย 3 ขวบมาเยี่ยมนายเต๋า รู้ข่าวตกใจแทบช็อคพากันเดินทางมาจากอ.ประจักษ์ศิลปาคม โดยแม่ยาย บอกกับนายเต๋าที่เป็นลูกเขยว่า ทำไมคิดตื้นๆ แบบนี้ ทำไมไม่บอกแม่เราช่วยกันได้ ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ คนเฮามีทางออกบ่มีกินไม่สำคัญ ติดหนี้ติดสินเขาก็ไม่ฆ่าเราหรอก เราก็ใช้เขา แค่เงินประกันชีวิตเฉยๆ ไม่มีก็บอกแม่ แม่หาให้กินให้ใช้ได้ จากนั้นแม่ยายก็ร้องไห้โฮโผโอบกอดลูกเขย อย่าทำอีกนะลูกๆ แม่ตกใจแทบขาดใจ จากนั้นนายเต๋าก็รับปากแม่ยายผมจะไม่ทำอีกแล้ว โอบกอดแม่ยาย ภรรยาและลูก ซึ้งในกำลังใจจากครอบครัว/