เมื่อวันที่ 16 ก.ย.68 พลตรี อัษฎาวุธ ปันยารชุน ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 ในฐานะ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรสีห์ บูรณาการกับ นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากชุดปฏิบัติการข่าวในพื้นที่ ว่าจะมีการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายในพื้นที่ชายแดน จ.กาญจนบุรี เข้ามายังพื้นที่ตอนใน 

จึงสั่งการให้ พันเอก พรรณศักย์ เพรียวพานิช ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 29 ในฐานะ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ พร้อมด้วย พันเอก ปิยะเณศร์ ภัทรศาศวัตวงษ์ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า จัดกำลังพลร่วมกับ กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 135, ฝ่ายปกครองอำเภอทองผาภูมิ และ สถานีตำรวจภูธรทองผาภูมิ ร่วมตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อป้องกันการกระทำผิดกฎหมาย

ต่อมาเวลา 10.30 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงร่วมกันตั้งจุดตรวจจุดสกัดแบบไม่ประจำที่ บริเวณ ถนนหลวงแผ่นดิน 323 หน้าวัดอู่ล่อง ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี สังเกตพบรถตู้ต้องสงสัย จำนวน 3 คัน ขับมาจาก อ.สังขละบุรี มุ่งหน้า อ.เมืองกาญจนบุรี จึงได้ให้สัญญาณหยุดรถเพื่อทำการตรวจสอบ แต่ผู้ขับขี่ได้เร่งเครื่องยนต์หลบหนี เจ้าหน้าที่จึงได้เร่งติดตามอย่างกระชั้นชิด กระทั่งสามารถสกัดจับได้ที่บริเวณ หน้าวัดท่าขนุน ม.1 ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบอย่างละเอียด พบ นายสุธีฯ อายุ 48 ปี และนายสุรชัยฯ อายุ 40 ปี เป็นผู้ขับขี่รถตู้ ส่วนผู้ขับขี่อีก 1 คน หลบหนีไปก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้าทำการตรวจสอบ ซึ่งภายในรถตู้ทั้ง 3 คัน บรรทุกบุคคลต่างด้าวผิดกฎหมาย สัญชาติเมียนมา จำนวน 113 คน (ชาย 72 คน และหญิง 41 คน) ซึ่งทั้งหมดไม่สามารถสื่อสารภาษาไทย และไม่มีเอกสารประจำตัวที่ทางราชการออกให้ เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวไว้ทั้งหมด

จากการซักถามนายสุธีฯ และนายสุรชัยฯ ทราบว่า พวกตนได้รับค่าจ้างเป็นเงิน จำนวน 4,000 บาท ให้ไปรับบุคคลต่างด้าวบริเวณริมแม่น้ำ และนำไปส่งยังพื้นที่ตอนใน อ.เมืองกาญจนบุรี โดยต่างด้าวผิดกฎหมายทั้งหมด เดินทางมาจาก จ.ย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา ลักลอบเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติ บ้านบ่อญี่ปุ่น อ.สังขละบุรี หลังจากนั้นใช้เส้นทางธรรมชาติทั้งทางบกและทางน้ำ หลบเลี่ยงจุดตรวจของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเข้าสู่พื้นที่ตอนใน โดยทั้งหมดสารภาพว่าต้องการลักลอบหลบหนีเข้าไปทำงานยัง จ.กาญจนบุรี จ.ราชบุรี และ กทม. ซึ่งจะจ่ายค่าจ้างให้กับนายหน้าจำนวนคนละ 14,000 - 18,000 บาท เมื่อถึงปลายทาง แต่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้เสียก่อน

หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการควบคุมตัวมาจัดทำข้อมูลประวัติ และนำตัวผู้กระทำความผิดทั้งหมดพร้อมของกลางรถตู้ จำนวน 3 คัน ส่ง สภ.ทองผาภูมิ เพื่อขยายผลการจับกุมและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป..