วันศุกร์ ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2568 01:53 น.

อาชญากรรม

ขรก.เศร้าวันเกษียณ ภรรยาเชื่อแก๊งคอลฯสูญเงินกว่า 4 แสน ห้ามยังไม่ฟัง ดื้อจะโอนไปอีก 8 หมื่น

วันอังคาร ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2568, 18.50 น.

วันที่ 30 กันยายน 2568 เวลาประมาณบ่ายโมง ศูนย์วิทยุ 191 ได้รับแจ้งจากนายปอ (นามสมมติ) อายุ 60 ปี  ข้าราชการเออรี่ ว่า ขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปช่วยระงับเหตุ เนื่องจากภรรยากำลังจะโอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยบ้านอยู่ชุมชนดอนเมือง ในซอยถนนสว่างนคร เขตเทศบาลเมืองนครพนม จึงประสาน พ.ต.ต.ศักดา ต้นจันทร์ สารวัตรปราบปราม (สวป.) ร.ต.อ.วิชาญ โสมศรี รอง สวป.สภ.เมืองนครพนม เดินทางไปยังบ้านหลังดังกล่าว

พบนายปอผู้แจ้งยืนถกเถียงกับภรรยา ทราบต่อมาว่าชื่อนางกร (นามสมมติ) อายุ 59 ปี ข้าราชการหน่วยงานแห่งหนึ่ง ก่อนจะให้ทั้งสองสงบสติอารมณ์ และสอบถามรายละเอียด นายปอเล่าว่าเป็นข้าราชการเออรี่มาได้ 5 ปี เงินบำเหน็จจำนวนหนึ่งโอนให้ลูกสาวเก็บไว้อยู่ที่ จ.ขอนแก่น โดยไม่ทราบว่าภรรยาแอบไปให้ลูกโอนเงินมาใส่บัญชีตัวเอง

ความแตกเมื่อตอนก่อนเที่ยง เพราะภรรยาชวนไปเก็บของที่สำนักงาน เพราะเพิ่งลาออกก่อนครบอายุเกษียณ 1 ปี แต่มีอาการลุกลี้ลุกลนผิดปกติ และบอกว่าขอไปโอนเงินให้เพื่อนที่ห้างบิ๊กซีแป๊บ ตนรู้สึกสงสัยจึงกลับมารอที่บ้าน พอภรรยามาถึงก็เค้นถามความจริง จึงทราบว่าภรรยาว่าได้คุยไลน์กับเพื่อนสมัยเรียนคนหนึ่ง เขาเป็นเจ้าของบริษัทเกี่ยวกับตลาดหลักทรัพย์ที่กรุงเทพฯ และชักชวนลงทุนเล่นหุ้น โดยได้โอนเงินไปเล่นหุ้นหลายครั้ง คิดเป็นเงินประมาณ 2 แสนกว่าบาท ตนเชื่อว่าเพื่อนที่อ้างสมัยเรียนน่าจะเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงยึดโทรศัพท์ภรรยาเพื่อจะเอาไปตรวจสอบ และได้เกิดการยื้อยุดกัน ตนเลยทุบโทรศัพท์จนพังเสียหาย และโทรแจ้ง 191 ช่วยมาระงับเหตุ

ทางด้านนางกรเล่าว่า เพื่อนคนนี้รวยมาก ได้ชวนให้ลงทุนเล่นหุ้น เมื่อประมาณ 2-3 เดือนมานี้ เริ่มลงทุนครั้งแรก 4 หมื่นบาท เพียงวันเดียวเขาโอนกำไรให้ 4,500 บาท ส่วนเงินต้นยังอยู่กับเขา และเพื่อนก็ให้ตนโอนเงินเพิ่มเรื่อยๆ ครั้งละ 4-5 หมื่น โดยล่าสุดเขาบอกว่าเงินหุ้นที่เล่นมีกำไรงอกถึงจำนวน 20 กว่าล้าน ตอนนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยโอนมาไว้ที่บริษัทแล้ว แต่เราต้องจ่ายดอกเบี้ยให้บริษัทก่อน ถึงจะนำเงินจำนวนดังกล่าวออกมาได้ โดยตนจะต้องโอนเงินไปจำนวน 80,000 บาทภายในวันนี้

ขณะที่คุยไลน์กันเป็นเวลาเดียวที่สามีกำลังพาไปขนของที่สำนักงานพอดี ตนจึงบอกสามีไม่ต้องไปขนของแล้ว มีธุระด่วนต้องรีบไปโอนเงินให้เพื่อนที่ห้างบิ๊กซี พอไปถึงมีคนเข้าคิวหน้าตู่เอทีเอ็มเยอะ จึงกลับบ้านเพื่อจะโอนผ่านแอปพลิเคชั่น ก็เจอสามีรอซักถาม จึงเกิดการโต้เถียงกัน ถึงตอนนี้ก็ยังเชื่อว่าเพื่อนคนนี้สามารถปลดหนี้ให้ได้

นายปอกล่าวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า เงินที่ภรรยาโอนไปไม่ใช่แค่ 2 แสน เฉพาะเงินของตนก็หายไป 4 แสนกว่าแล้ว ไม่รวมเงินเดือนภรรยาอีก ต้องการแจ้งความเพื่อระงับบัญชีที่โอนไป แม้จะมีความหวังริบหรี่ก็ตาม พร้อมอนุญาตให้สื่อนำเรื่องนี้ไปเผยแพร่เพื่อเป็นอุทธาหรณ์

ขณะนางกรจะไป สภ.เมืองนครพนม ได้ใช้โทรศัพท์อีกเครื่องถ่ายรูปเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่งไปให้เพื่อนเหตุตนโอนเงินไม่ได้ เพราะมีตำรวจมาที่บ้าน แม้เจ้าหน้าที่จะถามชื่อเพื่อนเศรษฐีของนางกรก็อ้างว่าไม่รู้จักชื่อเขา ซึ่งนายปอบอกว่าภรรยาปักใจเชื่อว่าเพื่อนคนนี้ปลดหนี้ได้ และต้องหาวิธีโอนเงินไปเพื่อรับเงินล้าน ตอนนี้ตนยึดบัตรเครดิตไว้แล้ว ส่วนบัญชีเงินฝากที่เหลือเงินอยู่เพียงแสนกว่าบาท ตนจะไปพบเจ้าหน้าที่ธนาคารเพื่อขอระงับชั่วคราวก่อน รอจนกว่าภรรยาจะตาสว่างค่อยว่ากัน
 

หน้าแรก » อาชญากรรม