วันอาทิตย์ ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2567 23:11 น.

อาชญากรรม

ศาลอุธรณ์ยืนจำคุก นศ.สาวขับรถชนนักปั่นดับ 3 ศพ

วันอังคาร ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2560, 16.40 น.

 

ศาลอุธรณ์ยืนจำคุก นศ.สาวขับรถชนนักปั่นดับ 3 ศพ

 


เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 27 มิ.ย.60 ผู้สื่อข่าวรายงานที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ บรรดาครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุที่นางสาวภัทร์ชุดา จายเรือน อายุ 24 ปีนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง เมาแล้วขับรถเก๋งสีดำ ยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียน ขย 9417 เชียงใหม่ พุ่งชนนักปั่นจักรยาน เสียชีวิต 3 ราย คือนายสมาน กันธา อายุ 63 ปี  นายพงษ์เทพ คำแก้ว อายุ 40 ปี และ นายชัยวัฒน์ ย่องลั่น อายุ 63 ปี ขณะที่นักปั่นจักรยานอีก 2 ราย คือ  นายพงษ์ศักดิ์ พลสิงห์ อายุ 36 ปี และ ว่าที่ ร.ต. สุพล ตาสิงห์ อายุ 56 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัสเหตุเกิดบริเวณถนนหลวงสาย 118 เชียงใหม่-ดอยสะเก็ด อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ จากนั้นได้มีการตรวจวัดระดับแอลกฮอล์ในเลือด ก็พบว่า มีแอลกอฮอล์เกินกว่าค่าที่กฎหมายกำหนด เหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2558 โดยทั้งหมดได้เดินทางไปที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่เพื่อฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีนี้ โดยศาลชั้นต้นได้พิพากษาลงโทษ นางสาวภัทร์สุดา จำเลย จำคุก 4 ปี ตามความผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และ ความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก แต่จำเลยรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา พร้อมเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ ขณะที่โจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์ขอให้เพิ่มโทษ เนื่องจากเห็นว่าโทษที่ได้รับน้อยไปกว่าการกระทำที่ได้ทำลงไป ขณะเดียวกันในช่วงหลังเกิดเหตุจำเลยยังไม่มีพฤติกรรมสำนึกผิดและไม่รับผิดชอบเยียวยาอย่างเหมาะสม ส่วนจำเลยประกันตัวและอุทธรณ์ขอลดโทษ อ้างว่าเป็นความผิดครั้งแรก
 

โดยวันนี้ทางศาลอุทธรณ์ภาค 5 ได้อ่านคำพิพากษา คดีอาญาหมายเลขดำ ที่ 2952/2558 หมายเลขแดงที่ 1895/2559 ในคดีกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย (ม.291) ความผิดลหุโทษ (ม.367-ม.398 )พรบ.จราจรทางบก โดยมีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำคุกจำเลย 2 ปี และให้จำเลยชำระเงินค่าสินไหมทดแทนและค่าขาดไร้อุปการะให้กับนางปราณี กันทา โจทย์ร่วมที่ 3 ญาติของนายสมาน กันทา ผู้เสียชีวิต จาก 1,722,091 บาท เป็น 2,334,091 บาท และ ให้ชำระเงินให้กับนายแก้ว คำแก้ว และ นางแก้ว คำแก้ว โจทก์ร่วมที่  4 และ โจทก์ร่วมที่ 5 บิดาและมารดาของนายพงษ์เทพ คำแก้ว ผู้เสียชีวิต คนละ 1,185,433 บาท   โดยหลังมีคำพิพากษาจำเลยได้ขอยื่นประกันตัวเพื่อฏีกาคำตัดสินต่อไป

 

หลังอ่านคำพิพากษานางสาวก้องกานต์ ย่องลั่น อายุ 34 ปี ลูกสาวของนายชัยรัตน์ ผู้ตาย บอกว่าเคารพการตัดสินใจของศาล แต่ทั้ง 3 ครอบครัวที่ต้องสูญเสีย เห็นว่าโทษที่ได้รับนั้นน้อยเกินไป เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงบัดนี้ไม่เคยเห็นหน้าจำเลยมาขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลย เจอกันแค่ในศาล อีกทั้งในโลกโซลเชียล ก็มีการแชร์ภาพจำเลยยังเที่ยวราตรีสนุกสนาน เหมือนไม่หลาบจำต่อเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้น ซึ่งพวกตนก็จะปรึกษากับทีมทนายเพื่อขอฏีกา เพิ่มโทษต่อจำเลยต่อไป สำหรับคดีนี้หลังเกิดเหตุทางครอบครัวทั้ง 3 ของผู้เสียชีวิตก็ได้รับเงินจาก พรบ.คุ้มครองผู้ประสบภัยทางรถ (ภาคบังคับ) รายละ 2 แสนบาท และ ค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์ภาคสมัครใจให้ครอบครัวละ 1,000,000 บาท เต็มเพดานของกรมธรรม์ภาคสมัครใจ รวมเป็นครอบครัวละ 1.2 ล้านบาท ส่วนเงินเยียวยาจากจำเลย ผู้ก่อเหตุทั้ง 3 ครอบครัวยังไม่ได้รับ ทราบเพียงแต่ทางจำเลยนำเงินไปวางประกันไว้ที่ศาลรายละ 70,000 - 100,000 บาท  ซึ่งทางญาติยังไม่ขอรับ เพราะคดีนี้เราไม่ได้สนใจเรื่องเงินสินไหมทดแทน แต่ทุกครอบครัวสนใจแต่บทลงโทษต่อจำเลยเท่านั้น

 

ด้านนายแก้ว คำแก้ว อายุ 72 ปี บิดานายพงษ์เทพ เปิดเผยว่าเห็นว่าคำตัดสินโทษของจำเลยได้รับน้อยมากกับเรื่องที่ได้ก่อขึ้น ส่วนค่าสินไหมทดแทนที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาในครั้งนี้ ก็คาดว่าไม่สามารถทดแทนกับความสูญเสียที่เกิดขึ้น ซึ่งก็จะขอคุยกับญาติและทนายความ อาจจะขอยื่นฏีกา ต่อไปอีก

หน้าแรก » อาชญากรรม