ทอท.เล็งใช้แอปพลิเคชั่นจัดการระบบให้บริการ
 

นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุม AOT sister Airport CEO Forum 2018 โดยบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์และแนวทางปฏิบัติที่ดีต่อการปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารงานและการให้บริการผู้โดยสาร รองรับการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มีผลต่ออุตสาหกรรมการบิน จากผู้บริหารระดับสูงของบริษัท/องค์กรที่ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงระหว่างท่าอากาศยานกับ ทอท. หรือ Sister Airport Agreement หรือ SAA ตลอดจนหน่วยงานราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 

ทั้งนี้ ภายในปี 2564 จะเห็นมูลค่าของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของสนามบิน ถึง 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นร้อยละ 40 ของจำนวนเงินลงทุนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และภายในปี2573 มูลค่าการลงทุนด้านการพัฒนาสนามบิน จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ การเจริญเติบโตในภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิก มีความชัดเจน ทั่วประเทศจีนและอินเดีย ทั้งนี้ประเทศไทยให้ความสำคัญกับการแข่งขันของทุกภาคส่วนทั่วประเทศเน้นความสมดุลและความยั่งยืนของการพัฒนา ประเทศไทยแสวงหาความร่วมมือและพันธมิตรทั่วโลก ผ่านโครงการปฏิรูป Thailand 4.0 โดยรัฐบาลกำหนดเป้าหมายการพัฒนาอุตสาหกรรมไว้ 10 โครงการ โดยอุตสาหกรรมการบินเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมใหม่ซึ่งจะสร้าง S-Curve ใหม่เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ที่เกี่ยวข้องกับการบิน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ได้แก่ ธุรกิจสนามบินพาณิชย์ ศูนย์โลจิสติกส์ที่ทันสมัย ​​สถานที่ฝึกอบรมการบำรุงรักษาสำหรับห้องนักบินและห้องโดยสาร และช่างเทคนิคการบิน

อย่างไรก็ตาม ทอท. ได้นำเสนอโครงการ “Digital Platform” เพื่อการเชื่อมโยงเครือข่ายไปยังท่าอากาศยานต่างๆ ทั่วโลก พร้อมใข้เวทีดังกล่าวในการหาเครือข่ายการขนส่งผ่านศูนย์ตรวจสอบและรับรองคุณภาพสินค้าก่อนส่งออก (Certify Hub) เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าการเกษตรในระดับภูมิภาค ซึ่งที่ผ่านมา ทอท.ได้ปรับรูปแบบการให้บริการ การพาณิชย์ และการบริหารงานภายในองค์กร รวมถึงการเชื่อมโยงการทำงานกับองค์กรอื่น ไปสู่ยุค Thailand 4.0

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. กล่าวว่าขณะนี้อุตสาหกรรมการบินกำลังจะก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงเป็นยุค Thailand 4.0 ซึ่งอยู่ระหว่างที่จะดำเนินการ ซึ่งต่อไปผู้โดยสารที่จะเดินทางมาที่สนามบินนอกจากนี้ จะจองบัตรโดยสารได้แล้ว ยังสามารถจองที่จอดรถได้ตั้งแต่ยังเดินทางไม่ถึงสนามบิน ซึ่งการบริการดังกล่าวยังจะรวมการแจ้งรับกระเป๋าหากถึงจุดหมายแล้วจะรับบริการที่สายพานหมายเลขเท่าไหร่ และยังสามารถจองบริการแท็กซี่ได้ อย่างไรก็ตาม นวัตกรรมถือเป็นหัวใจหลักในการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันเชิงธุรกิจของ ทอท.ซึ่ง ทอท.ได้ปรับรูปแบบการให้บริการ การพาณิชย์ และการบริหารงานภายในองค์กร รวมถึงการเชื่อมโยงการทำงานกับองค์กรอื่นให้อยู่บนโลกเสมือนจริง ทั้งนี้ คาดว่าสมารถดำเนินการได้ประมาณ ไตรมาส1 หรือ ไตรมาส2 ของปีหน้า จะช่วยการบริการและจัดการเพื่อไม่ให้เกิดความแอดอัดของผู้โดยสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการดำเนินการรูปแบบนี้ จะเป็นมาตรฐานที่ใช้ใน 15-16 สนามบินทั่วโลก 

“ขณะนี้ทอท.ได้เจรจากับท่าอากาศยานในโซน CLMV ประกอบด้วย ประเทศกัมพูชา ลาว เมียมา และเวียดนามเพื่อให้มาใช้บริการขนส่งสินค้าเกษตรไปยังยุโรปที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพราะหากมีการปฏิเสธสินค้าก็จะมีค่าขนส่งสินค้าตีคืนที่ต่ำกว่า การขนส่งคืนจากยุโรป / การพัฒนา ทอท.แอปพลิเคชั่น ด้วยการอำนวยความสะดวกผู้โดยสารบนโลกเสมือนจริง (Digital Platform) โดยผู้ใช้บริการท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ ทอท.และท่าอากาศยาน SAA สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นไว้บนสมาร์ทโฟน เพื่อบริหารจัดการการเดินทางได้ง่ายขึ้น โดยเฟสแรกจะเป็นฟังก์ชั่น

ทั้งนี้ ทอท. จะใช้งบประมาณ 300-400 ล้านบาทในการทำระบบฮาร์ดแวร์ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งให้รองรับแอปพลิเคชั่นดังกล่าว และจะให้บริการได้ช่วงไตรมาส 1-2 ของปี 2562  โดยเริ่มที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และภูเก็ต ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนผู้โดยสารประมาณ 80% ของผู้โดยสารทั้งหมดของทอท.พร้อมตั้งเป้าว่าจะมีผู้โหลดแอปพลิเคชั่นในช่วงแรกประมาณ 1 ล้านคน” นายนิตินัย กล่าว

 นอกจากนี้ ในส่วนของความคืบหน้าการรับโอน4สนามบิน จากกรมท่าอากาศยาน (ทย.) คือ ท่าอากาศยานอุดรธานี สกลนคร ชุมพร และตาก จากกรมท่าอากาศยานว่า ทั้งนี้ ทอท.คาดว่าจะสรุปรายละเอียดได้ภายใน 15 วัน และสามารถส่งมายังกระทรวงคมนาคมได้เพื่อพิจารณาอีกครั้ง ภายหลังที่นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม มอบให้สรุปแผนภายใน1เดือน

สำหรับแผนพัฒนาเพื่อจะปรับปรุงสนามบินทั้ง 4แห่ง ที่จะรับโอนนั้น ทอท.จะเน้นมาตรฐานความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญ และคาดว่าจะใช้วงเงินลงทุนรวมประมาณ 1,000-1,500ล้านบาท ซึ่งการใช้งบประมาณปรับปรุงดังกล่าวคาดว่าในสนามบินอุดรธานีน่าจะใช้งบประมาณสูงที่สุด เพื่อยกระดับให้ได้มาตรฐานสากล โดยสายการบินที่มาจากยุโรป สามารถมาลงจอดที่อุดรธานีได้โดยตรง