วันพฤหัสบดี ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567 23:16 น.

เศรษฐกิจ

“เติมกาแฟ” ดื่มด่ำธรรมชาติต่อยอดโรงแรมดังเมืองสุพรรณ

วันพุธ ที่ 05 สิงหาคม พ.ศ. 2563, 14.59 น.

“เติมกาแฟ” ดื่มด่ำธรรมชาติต่อยอดโรงแรมดังเมืองสุพรรณ  

 

ธุรกิจจะหยั่งรากลึกถึงแก่นแท้ความยั่งยืนได้ ตลอดเส้นทางการเติบใหญ่ ย่อมต้องได้รับการทะนุบำรุงจากความรักอย่างแท้จริง มั่นรดน้ำเติมพลังในการแก้ไขปัญหาและอุปสรรค บริหารจัดการอย่างเป็นระบบเพื่อขยับขยายกิ่งก้านสาขาได้อย่างสมดุล และถึงเวลาเหมาะสม  ธุรกิจผลัดใบจากรุ่นบุกเบิกสู่ทายาท เพื่อสานต่อและต่อยอด แม้จะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ “หากใจมีศูนย์กลางเดียวกัน” 

บริษัท บุญพันธุ์เมือง 49 จำกัด  จาก จ.สุพรรณบุรี เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ได้ก่อร่างสร้างตัวจนเติบโตเป็นไม้ใหญ่ที่แข็งแรง จากรุ่นพ่อแม่และต่อยอดโดยรุ่นลูก จนธุรกิจครบวงจร เริ่มต้นจากโรงแรมคันทรี่ โฮเต็ล  ขยายสู่ร้านอาหาร “ลายน้ำ” ร้านกาแฟ “เติมกาแฟ”  ซึ่ง ณ ปัจจุบันนี้ ได้รับความนิยมอย่างสูง ด้วยบรรยากาศร่มรื่น อุดมไปด้วยต้นไม้เล็กใหญ่เต็มบริเวณ  เปรียบเสมือนห้องรับแขกขนาดใหญ่แสนอบอุ่น คอยต้อนรับผู้เมื่อมาเยือนเมืองสุพรรณ 

 

คุณชัชวาล ขันติกาโร  มีใบหน้าเปื้อนยิ้มก่อนเล่าความหลังการปลูกต้นกล้าแรกของธุรกิจ บริษัท บุญพันธุ์เมือง 49 จำกัด ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อปี 2537 ช่วงนั้นจังหวัดสุพรรณบุรีได้เป็นเจ้าภาพจัดงานแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 27 หรือ“ดอนเจดีย์เกมส์” ส่งผลให้ที่ดินทำเกษตรเริ่มได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างมาก  คนในพื้นที่เริ่มขยับขยายขายที่ดินกันไปจนเกือบหมด  ขณะที่ตนเองไม่อยากขายที่ดิน แต่จะทำนาก็ทำไม่ได้ เพราะสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนไปหมดแล้ว จึงชวนสามี (ประดิษฐ์ ขันติกาโร) พัฒนาที่ดินต่อยอดเป็นโรงแรมใช้ชื่อว่า โรงแรมคันทรี่ โฮเต็ล  เริ่มต้นมี 46 ห้องพัก เปิดให้บริการ เพื่อรองรับกระแสผู้คนที่จะหลั่งไหลเข้ามาชมการแข่งขันกีฬานั้นเอง

“ตลอดเวลาที่ทำธุรกิจโรงแรม จะให้ลูกชายทั้งสองคนมาช่วยงานตั้งแต่เด็ก โดยเริ่มจากมอบหมายงานเล็กๆ ให้รับผิดชอบก่อน ไม่ว่าจะเป็นตัดต้นไม้ เก็บกวาดขยะ ตลอดจนการทำความสะอาดห้องพัก เพื่อหล่อหลอมให้เรียนรู้งานตั้งแต่ระดับพื้นฐาน ยิ่งช่วงปิดเทอมสำหรับเด็กๆ แล้ว โรงแรมคือสวนสนุกดีๆ นี่เอง จนเมื่อเวลาผ่านไปความผูกพันจึงค่อยๆ ก่อตัว จะถามลูกๆ เสมอ เรียนจบแล้วจะกลับมารับช่วงต่อไหม ซึ่งคำตอบที่ได้คือ..กลับมา”คุณชัชวาล เล่าอย่างภูมิใจในตัวทายาท

ดังนั้น ในวันที่ธุรกิจเริ่มเติบโตไปพร้อมกับลูกๆ ที่เติบใหญ่ คุณชัชวาลได้วางแผนรองรับการสืบทอดทายาทธุรกิจ โดยเมื่อเรียนจบก็ส่งตัวไปฝึกงานกับองค์กรอื่นทันที เพื่อศึกษาหาความรู้ เพิ่มพูนประสบการณ์ ที่สำคัญเพื่อเข้าใจพื้นฐานระบบการบริหารจัดการธุรกิจ

“ลูกชายเริ่มเข้ามาช่วยบริหารธุรกิจอย่างจริงจังเมื่อปี 2554 โดยได้เข้ามาพัฒนาต่อยอดธุรกิจหลายอย่าง เช่น รีโนเวทโรงแรมใหม่ให้มีความสวยงามทันสมัยเข้ากับยุคปัจจุบัน ขยายห้องพักจาก 46 ห้อง เป็น 86 ห้อง โดยนำตลาดออนไลน์เข้ามาช่วยโปรโมท ปรากฏกระแสตอบรับดีมา กมีลูกค้าแวะเวียนเข้ามาพักมากขึ้น  จากนั้น ลูกชายก็มองเห็นโอกาสเหมาะที่จะทำร้านอาหารเพื่อรองรับลูกค้าที่มาเข้าพัก และสามารถขยายกลุ่มลูกค้าขาจรได้อีกด้วย ภายใต้ชื่อ ร้านอาหารลายน้ำ ที่มาจากลายไม้ที่ใช้ในการก่อสร้างนั้นเอง และล่าสุดธุรกิจที่ลูกชายลงมือลงแรงก่อร่างสร้างขึ้นมา คือ ร้านเติมกาแฟ” คุณชัชวาล เอ่ยถึงผลงานก้าวแรกในการต่อยอดธุรกิจทายาทรุ่น 2

 

สำหรับ “ร้านเติมกาแฟ” คือ ต้นกล้าล่าสุดที่อยู่ภายใต้ร่มเงา บริษัท บุญพันธุ์เมือง 49 จำกัด ที่ถือได้ว่าเป็นห้องรับแขกบ้านแขกเมืองของจังหวัดสุพรรณบุรีเลยทีเดียว  ร้านได้รับความนิยมอย่างสูง แทบตลอดทั้งวันจะมีลูกค้าหลากหลายแตกต่างกลุ่ม สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามาใช้บริการต่อเนื่อง  ไม่ว่าจะนั่งคุยงาน นั่งเล่นชิวๆ กับกลุ่มเพื่อน ทานอาหารกับครอบครัว  หรือแม้กระทั่งกลุ่มที่มาถ่ายภาพเก็บเป็นที่ระลึก สรุปแล้วคือ ร้านเติมกาแฟให้ความอบอุ่นเสมือนมาห้องรับแขกบ้านเพื่อนจริงๆ

“วัตถุประสงค์ที่ทำร้านกาแฟขึ้นมา หลักๆ เลย คือต้องการให้ลูกค้าได้มีที่พักผ่อน ได้ดื่มกาแฟอร่อย เหมือนได้เติมพลังชีวิต การตกแต่งร้านจึงเป็นสไตล์อินดัสเทรียลที่จะให้บรรยากาศอบอุ่น ผ่อนคลาย สบายๆ แต่ไม่ถึงกับเหมือนบ้านตัวเอง แต่จะให้อารมณ์เหมือนเราไปบ้านเพื่อนสนิท บริเวณโดยรอบจะปลูกต้นไม้น้อยใหญ่ให้ธรรมชาติรายล้อมสร้างความร่มรื่น วัสดุที่ใช้ตกแต่งภายในร้านจะเน้นงานไม้เป็นหลัก และส่วนใหญ่เป็นของสะสมที่ร่วมกันสะสมมากับลูกชายเกือบ 90% ส่วนเมนูอาหารทั้งเครื่องดื่ม อาหารคาวหวาน จะพยายามคิดค้นเมนูใหม่ๆ เน้นดีต่อสุขภาพ เมนูเค้กก็จะใช้แป้งอัลม่อน แป้งมันม่วง น้ำตาลจะใช้ผลิตภัณฑ์หญ้าหวานหรือเกษตรดอกไม้แทน และทุกเมนูการันตีเลยว่ามาจากฝีมือทางร้านทั้งหมด” เจ้าของธุรกิจ ระบุถึงความโดดเด่นของร้านเติมกาแฟ

เมื่อเป็นร้านกาแฟ ความพิเศษของเมนูเด็ดที่ใครมาแล้วห้ามพลาด จึงหนีไม่พ้นเมนูกาแฟ โดยเคล็ดไม่ลับ คุณชัชวาลเผยว่า  ร้านใช้สูตรผสม คือนำเมล็ดกาแฟของสองสายพันธุ์ คือ อาราบิก้าที่ให้รสชาติเปรี้ยวและโรบัสต้าที่ให้รสชาติเข้มข้น มารวมกัน เมื่อชงออกมาจะได้รสชาติกาแฟที่กลมกล่อมนุ่มนวล เมื่อคอกาแฟได้ลิ้มชิมรสเป็นต้องติดใจทุกราย

ขณะที่นึกภาพตาม อยู่ๆ คุณชัชวาลก็เผลอหัวเราะออกมาพร้อมยังเล่าต่อด้วยรอยยิ้มอีกว่า เวลาเล่าให้ใครฟังว่ากิจการมีการขยับขยายและเติบโตอย่างไรเมื่อทายาทรุ่น 2 เข้ามาชิมลาง ทุกอย่างดูเหมือนง่าย ดูเหมือนลงตัวไปหมด แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย เล่นเอาหอบเหมือนกันกว่าจะลงตัวกันได้อย่างทุกวันนี้

 

“ด้วยความที่คนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่จะมีแนวคิดเปิดกว้างแบบไร้ขอบเขต ต่างจากรุ่นพ่อแม่ที่คิดถึงเรื่องความคุ้มทุน การประมาณตน ทำแล้วต้องไม่เจ็บตัว ทำอะไรต้องอยู่บนพื้นฐานความพอเพียง ซึ่งโชคดีที่เราให้ลูกๆ คลุกคลีเติบโตมากับธุรกิจที่บ้าน จึงเข้าใจการทำธุรกิจในรุ่นพ่อแม่ ฉะนั้น เวลาที่มีโปรเจคใหม่ๆ มาเสนอ ประโยคที่ลูกคุ้นชินจากแม่คือ คุ้มทุนไหม ลูกต้องเอาเหตุผลมาหักล้างกันเพื่อหาจุดกึ่งกลางให้ได้ เหมือนเป็นการทดสอบฝีมือลูก บางเรื่องลูกก็ต้องยอมรับว่าอาบน้ำร้อนมาก่อนมันยังเอามาใช้ได้อยู่” คุณชัชวาลกล่าว

ล่าสุดกับสถานการณ์วิกฤตการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ถือเป็นบททดสอบที่สาหัสมาก ทำเอาไม้ใหญ่ต้นนี้โอนเอนเหมือนต้องพายุเกือบล้มไปเหมือนกัน ด้วยผลกระทบที่เป็นวงกว้าง เศรษฐกิจกำลังหยุดหายใจ ทุกอย่างไม่รู้จะเดินต่อไปทางไหน เป็นปัญหาที่เกิดจากความไม้ตั้งใจมันจึงโทษใครไม่ได้เลย ทำได้เพียงตั้งสติ ตั้งรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นให้ได้มากที่สุด

“โควิด-19 หนักกว่าช่วงต้มยำกุ้งมาก เสียหลักไปเหมือนกัน โชคดีที่ทุกคนพร้อมใจกันสู้ พนักงานน่ารักมาก เสนอเองว่าให้ลดเงินเดือน ด้วยความที่อยู่กันมานานจึงอยากประคองกันไปให้รอด บางคนก็เสนอให้ปิดโรงแรม แต่ส่วนตัวมองว่าปิดไม่ได้ เพราะรายได้จะหายไปเลย ทั้งที่ยังต้องมีภาระค่าใช้จ่ายอยู่ จึงเข้าไปแจ้งทางจังหวัดขอเปิดโดยเราก็ปฏิบัติตามคำสั่งจังหวัดให้ถูกต้อง เพื่อความปลอดภัย พ่นน้ำยาฆ่าเชื้อทุกวัน พนักงานล้างมือสม่ำเสมอ เจลแอลกอฮอล์ขาดไม่ได้เลย ทุกอย่างต้องสะอาดปลอดเชื้อจริงๆ ส่วนร้านอาหารร้านกาแฟก็เปิด Delivery เพิ่มรายได้เกื้อหนุนกันไป”คุณชัชวาลเล่าย้อนถึงเกิดสถานการณ์ที่ใครก็ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น

 

ช่วงโควิด-19 ระบาดว่าหนักแล้ว  แต่เมื่อภาครัฐปลดล็อคให้กลับมาประกอบกิจการได้ ปรากฏว่า สถานการณ์ของธุรกิจกลับยิ่งแย่ลง เพราะแม้จะเปิดร้านได้แต่ขาดเงินทุนหมุนเวียน  โชคดีที่รัฐบาลได้เล็งเห็นถึงความเดือนร้อนของผู้ประกอบการ ออกมาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอีที่เป็นลูกค้าสินเชื่อของกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ดำเนินการผ่านธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank พร้อมได้รับโอกาสพักชำระหนี้เงินต้น 12 เดือน ช่วยให้ธุรกิจฟื้นกลับมาหายใจได้อีกครั้ง

“จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นยอมรับเลยว่าโชคดีที่ได้เป็นลูกค้าของ SME D Bank เจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือดีมาก เข้ามาติดตามสถานการณ์ด้วยความห่วงใยตลอด คอยให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด ทำให้เรารู้สึกไม่โดดเดี่ยวในวันที่หาทางออกไม่ได้” คุณชัชวาลกล่าว

สำหรับการปรับตัวธุรกิจให้เข้ากับยุค New Normal คุณชัชวาลบอกว่าได้เตรียมพร้อมมาตั้งแต่ช่วงระบาดแล้ว โดยสถานที่จะเน้นเรื่องความสะอาด เมื่อร้านปิดจะพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคทุกวัน มีการลดจำนวนที่นั่งลงเพื่อรักษาระยะห่าง ส่วนพนักงานจะมีการตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้างาน ล้างมือสม่ำเสมอ โดยที่ร้านจะมีบริการเจลแอลกอฮอล์ล้างมือตามจุดต่างๆ  ลูกค้าที่มาใช้บริการมั่นใจได้เลยว่าปลอดเชื้อแน่นอน

เมื่อถามถึงอนาคต คุณชัชวาลบอกถึงความตั้งใจทันทีว่าอีกประมาณ 3-4 ปีคงจะพักผ่อนปลดเกษียณตนเองแล้ว เพื่อให้ลูกๆ ได้เข้ามาบริหารจัดการอย่างเต็มตัว และเชื่อมั่นว่าธุรกิจที่ส่งต่อสู่ทายาทรุ่น 2 จะเติบใหญ่แผ่กิ่งก้านอย่างมั่นคงได้ไม่แพ้รุ่นแรกแน่นอน