กทพ.เปิดขั้นตอนประมูลด่วนพระราม3-ดาวคะนอง สัญญา1และ3 โปร่งใส
 

รายงานข่าวจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) แจ้งว่า ได้จัดเสวนาผ่านแอปพลิเคชั่น Clubhouse หัวข้อ ”เดินหน้าต่ออย่างโปร่งใส!! ประมูลด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง ส่องแผนแก้ปัญหาจราจรระหว่างก่อสร้าง” โดยมีผู้ร่วมสนทนา ประกอบด้วย นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.), นายชาตรี ตันศิริ รองผู้ว่าการ ฝ่ายก่อสร้างและบำรุงรักษา กทพ., ดร.สุวัฒน์ วาณีสุบุตร ผู้แทนองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน, นายบากบั่น บุญเลิศ ประธานกรรมการ บริษัท ฐานเศรษฐกิจ มัลติมีเดีย จำกัด ในฐานะผู้แทนสื่อมวลชน และนายวรพันธ์ ศิรวิไลรุ่งเรือง ผู้แทนภาคประชาชนนั้น

นายสุรเชษฐ์ ผู้ว่าการ กทพ. เปิดเผยว่า กทพ. ได้ให้บริการทางด่วนมาระยะเวลากว่า 50 ปี ซึ่งในปัจจุบันพบว่า เส้นทางจากกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งจะเชื่อมต่อไปยังภาคใต้ โดยเฉพาะเส้นทางเชื่อมไปยังทางหลวงหมายเลข 35 (ถนนพระราม 2) ที่มีการจราจรหนาแน่น และกระทบต่อการเดินทางของประชาชน กทพ.จึงได้ลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสร้างทางพิเศษ (ด่วน) เพิ่มเติม โดยการก่อสร้างโครงการทางพิเศษ (ด่วน) สายพระราม 3-ดาวคะนอง-ถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ด้านตะวันตก ระยะทาง 18.7 กิโลเมตร (กม.) วงเงินประมาณ 3 หมื่นล้านบาทขึ้น

สำหรับโครงการดังกล่าว แบ่งออกเป็น 5 สัญญา ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างสัญญาที่ 2 ซึ่งเป็นทางยกระดับ จากเซ็นทรัลพระราม 2-โรงพยาบาลบางปะกอก 9 ระยะทาง 5.3 กม. และสัญญาที่ 4 งานก่อสร้างสะพานขึงคู่ขนาน ระยะทาง 2 กม. โดยทั้ง 2 สัญญา ได้เริ่มต้นการก่อสร้างตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563 และคาดว่า จะก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงกลางปี 2566

ขณะที่สัญญาที่ 1 งานสร้างทางยกระดับ จากแยกต่างระดับบางขุนเทียน-เซ็นทรัลพระราม 2 ระยะทาง 6.4 กม. และสัญญาที่ 3 งานก่อสร้างทางยกระดับ จากโรงพยาบาลบางปะกอก 9-ด่านดาวคะนอง ระยะทาง 5 กม.นั้น ได้มีการยกเลิกการประมูลไปใน ธ.ค. 2563 เนื่องจากเอกสารเงื่อนไขการประกวดราคา (TOR) ในขณะนั้น ยังไม่ค่อยชัดเจน จนทำให้มีผู้ที่แพ้การประกวดราคา ยื่นอุทธรณ์ไปยังกรมบัญชีกลาง จึงต้องทำให้มีการประกวดราคาใหม่อีกครั้ง

นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่าขณะนี้ กทพ. ได้นำร่าง TOR ของโครงการฯ สัญญาที่ 1 และสัญญาที่ 3 ประกาศผ่านทางเว็บไซต์ กทพ. ไปแล้ว เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2564 ที่ผ่านมา และจะเปิดประกาศขายซองจนถึงวันที่ 30 ก.ค. 2564 โดยจะเปิดให้เอกชนยื่นข้อเสนอในวันที่ 2 ส.ค. 2564 ซึ่งจะทำให้ทราบว่า เอกชนรายใดเป็นผู้เสนอราคาต่ำที่สุด ทั้งนี้ หากไม่มีผู้ยื่นอุทธรณ์หรือร้องเรียนนั้น กทพ. จะนำผลการประกวดราคาเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) กทพ. พิจารณา ควบคู่กับเสนอให้นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมพิจารณาภายใน ก.ย. 2564  จากนั้น กทพ.จะลงนามสัญญากับเอกชน และเริ่มก่อสร้างในช่วง ต.ค.-พ.ย. 2564 โดยจะมีการปรับลดระยะเวลาการก่อสร้างจาก 39 เดือน ให้เหลือ 34 เดือน หรือเร่งรัดให้เร็วขึ้น 12% เพื่อให้แล้วเสร็จห่างจากสัญญา 2 และสัญญา 4 ไม่นานมากนัก หรือจะแล้วเสร็จภายใน ต.ค. 2567 โดยยืนยันว่า จะสามารถดำเนินการได้ตามแผนที่เร่งรัดกับเอกชน เนื่องจากใน TOR ระบุถึงค่าปรับสูงถึงวันละ 37 ล้านบาท เมื่อถามถึงอัตราค่าผ่านทางเมื่อเปิดให้บริการ

นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า ทางด่วน สายพระราม 3-ดาวคะนอง-ถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ด้านตะวันตก จะมีค่าผ่านทางตลอดเส้นทาง 18.7 กม. ราคา 40 บาท แบ่งเป็น บริเวณช่วงสะพานขึงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ราคา 10 บาท และตั้งแต่ด่านบางขุนเทียน-ด่านดาวคะนอง ราคา 30 บาท สำหรับการจัดทำ TOR ในครั้งนี้ ได้ดำเนินการตามประกาศของกรมบัญชีกลางอย่างละเอียด และได้มีการหารือกับคณะอนุกรรมการด้านกฎหมายอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะในเรื่องของรายละเอียดคุณสมบัติ และผลงานต่างๆ ของเอกชน อีกทั้งยังมีการกำหนดตามนโยบาย Thai First ของกระทรวงคมนาคมด้วย ส่วนกรณีที่ระบุว่า ราคากลางในการประมูลครั้งนี้

ทั้ง 2 สัญญา เพิ่มขึ้นจากเดิมสัญญาละประมาณ 300 กว่าล้านบาทนั้น เมื่อพิจารณาความเป็นจริง พบว่า ราคาเหล็กเพิ่มสูงขึ้น 10% แต่ กทพ. ปรับเพิ่มขึ้นแค่ 3% เท่านั้น ซึ่งทำให้ กทพ. มีความเสี่ยงว่า จะมีเอกชนสนใจร่วมงานด้วยหรือไม่ โดยยืนยันว่า ที่มาที่ไปของการจัดทำราคากลางนั้น สะท้อนกับความเป็นจริง และสภาพในปัจจุบันมากที่สุด

ด้านนายชาตรี รองผู้ว่าการ กทพ. กล่าวว่า การคิดราคากลางของโครงการดังกล่าวนั้น พิจารณาตามหลักดัชนีราคาของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นปัจจุบัน และสะท้อนความเป็นจริงมากที่สุด โดยการจะประกาศราคากลางนั้น จะต้องได้ราคาก่อนประกาศ 30 วัน เมื่อมาเทียบรายละเอียดในครั้งนี้ พบว่า ราคาวัสดุตั้งแต่ปี 2561-ต้นปี 2564 ราคาเหล็กเพิ่มขึ้น 9-10% เช่นเดียวกับราคาคอนกรีตที่เพิ่มขึ้น 3% ซึ่ง กทพ. ได้ปรับเพิ่มราคากลางเมื่อเทียบกับครั้งก่อน เพียงแค่ 3% เท่านั้น ซึ่งยืนยันว่า ราคาที่กำหนดสะท้อนความเป็นจริง และคำนึงถึงผู้รับจ้างที่มีคุณภาพ และต้องมีความสามารถในการจัดหาวัสดุตามราคานั้นได้

อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวนั้น อยู่ในแผนแม่บททางพิเศษในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล ซึ่งเป็นโครงข่ายทางพิเศษที่เชื่อมโยงการเดินทางในแนวรัศมีระหว่าง กทม.กับพื้นที่ทางด้านตะวันตก รวมถึงการเดินทางจากจังหวัดในภาคใต้ของประเทศ เพื่อช่วยให้การเดินทางเข้าสู่ กทม.เป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว และช่วยลดปัญหาจราจรติดขัดบนทางพิเศษ เฉลิมมหานคร ช่วงดาวคะนองถึงท่าเรือ รวมถึงบนถนนพระรามที่ 2 ในปัจจุบัน

ขณะที่ งานก่อสร้างแบ่งสัญญางานก่อสร้างออกเป็น 5 สัญญา คือ สัญญาที่ 1 ถึงสัญญาที่ 4 เป็นงานโยธา และสัญญาที่ 5 เป็นงานระบบจัดเก็บค่าผ่านทางฯ ซึ่งสัญญาที่ 2 เป็นการดำเนินการบนถนนพระราม 2 โดยเริ่มต้นจาก กม.ที่ 6+400 ถึง กม.ที่ 11+700 ของโครงการ หรือ กม.ที่ 1+300 ถึง กม.ที่ 6+600 ของถนนพระราม 2 รวมระยะทางประมาณ 5.3 กม. ประกอบด้วย ทางยกระดับ ทางขึ้น-ลง ที่กลับรถ ด่านเก็บค่าผ่านทาง ด่านจ่ายบัตรค่าผ่านทาง และอาคารด่านฯ รวมทั้งส่วนประกอบอื่นๆ ของโครงการฯ