นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า ตามที่ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มอบนโยบายด้านโครงสร้างพื้นฐานทางถนนให้กรมทางหลวงขยายทางหลวงหมายเลข 118 เชียงใหม่-เชียงรายเป็นถนนมาตรฐานขนาด 4 ช่องจราจรตลอดเส้นทาง 158.473 กิโลเมตร เพื่อเสริมสร้างโครงข่ายทางหลวงพื้นที่ภาคเหนือให้สมบูรณ์ โดยที่ผ่านมากรมฯ ขยายทางหลวงสายดังกล่าวแล้วเสร็จ 48 กม. และก่อสร้างอีก 42.8 กม. ช่วง อ.ดอยสะเก็ด-ต.แม่ขะจาน ซึ่งขณะนี้เหลือเพียง ตอน อ.ดอยสะเก็ด-ต.ป่าเมี่ยง ตอน 1  ระหว่าง กม.20+200 - กม.31+700  ระยะทาง 11.5 กม.      ขณะนี้มีความคืบหน้าไปแล้วกว่าร้อยละ 93  คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือนกันยายน  ปี 2564  จะรวมเป็นระยะทาง 91 กม. ทั้งนี้มีบางช่วงที่ดำเนินการแล้วเสร็จและเปิดให้ใช้บริการเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนผู้ใช้เส้นทางไปแล้ว

 

         

โดยทางการกระทรวงคมนาคมจึงผลักดันให้เร่งขยายเส้นทางเป็น 4 ช่องจราจรในส่วนที่เหลืออีก 67.473 กม.   ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายโดยในพื้นที่ ต.บ้านโป่ง-บรรจบทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ระหว่าง กม.91+000 – กม.158+473  ปัจจุบันมีขนาด  2  ช่องจราจร เนื่องจากสภาพเส้นทางมีลักษณะคดเคี้ยว  เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง  จำเป็นต้องปรับปรุงให้เป็นทางหลวงขนาด 4 ช่องจราจรตลอดเส้นทางเพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวก ปลอดภัยในการเดินทาง 

         

กรมฯจึงเร่งสำรวจและออกแบบทางหลวงหมายเลข 118 (สายเชียงใหม่-เชียงราย) โดยแบ่งเป็น 2 ตอน คือ

         

ตอน บ.แม่เจดีย์ – อ.แม่สรวย ระยะทาง 50 กม. ปัจจุบันอยู่ระหว่างสำรวจศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) และจัดทำรายงาน EIA เสนอสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หากผ่านการพิจารณาแล้วโครงการจะมีความพร้อมเพื่อเสนอของบประมาณดำเนินการก่อสร้าง คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ประมาณ ปี 2567 แล้วเสร็จปี 2569

         

และ ตอน อ.แม่สรวย - แยกจุดตัดทางหลวงหมายเลข  1  จ.เชียงราย ระยะทาง 17.473 กม.  ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะเพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณจากแหล่งเงินกู้ (เพิ่มเติม)   และหากได้รับงบประมาณจะเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไป  โดยใช้งบประมาณ 2,000 ล้านบาท  คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ปี. 2565 แล้วเสร็จปี 2567

         

หากโครงการแล้วเสร็จจะช่วยเติมเต็มโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งทางหลวงหมายเลข 118 ให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ช่วยลดอุบัติเหตุ ช่วยเพิ่มขีดความสามารถรองรับปริมาณการจราจรที่มากขึ้นจากเดิม 1 - 1.8  หมื่นคันต่อวัน เป็น 3 หมื่นคันต่อวัน ลดเวลาเดินทางระหว่าง จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย จากเดิมที่ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง เหลือ 3 ชั่วโมง