วันพฤหัสบดี ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567 17:36 น.

เศรษฐกิจ

“เมโทร เอนเนอร์ยี่ ผนึก จีเอฟอี ฯ ผุดโรงไฟฟ้า ขยะไพโรไลซิสออยล์ ต้นแบบพลังงานสะอาด

วันอังคาร ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2564, 16.08 น.
“เมโทร เอนเนอร์ยี่ ผนึก จีเอฟอี ฯ ผุดโรงไฟฟ้า ขยะไพโรไลซิสออยล์ ต้นแบบพลังงานสะอาด
 
 
 
บริษัท เมโทร เอนเนอร์ยี่ จำกัด ลงนามสัญญากับบริษัท จีเอฟอี เอนเนอร์ยี่ บาล๊านซ์ จำกัด ลงนามสัญญาก่อสร้างโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขยะชุมชนด้วยเทคโนโลยีไพโรไลซิส เพื่อกำจัดขยะมูลฝอยในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี กำลังการผลิต  9.6  เมกะวัตต์ติดตั้ง กำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จขายไฟฟ้าให้ กฟภ. ในปี 2565 
 
 
บริษัท เมโทร เอนเนอร์ยี่ จำกัด เจ้าของโรงไฟฟ้าขยะอุดรธานีไพโรไลซิสออยล์ (UWTE Power Plant) โดยนายวีระ บูรพชัยศรี กรรมการบริหารได้ลงนามสัญญาก่อสร้างโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขยะชุมชนด้วยเทคโนโลยีไพโรไลซิส (Pyrolysis Oil Technology for 9.6 MW. Municipal Waste Power Plant)ในพื้นที่เทศบาลจังหวัดอุดรธานี ร่วมกับบริษัท จีเอฟอี เอนเนอร์ยี่ บาล๊านซ์ จำกัด โดยนายสุรเดช บัวทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ ซึ่งเป็นบริษัทดำเนินการก่อสร้าง 
 
นายวีระ บูรพชัยศรี กรรมการบริษัท เมโทร เอนเนอร์ยี่ จำกัด เปิดเผยว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่บริษัท เมโทร เอนเนอร์ยี่ จำกัด ได้  ลงนามสัญญาก่อสร้างโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขยะชุมชนด้วยเทคโนโลยีไพโรไลซิส กับบริษัท จีเอฟอี เอนเนอร์ยี่ จำกัด มูลค่า 710 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จเกิดขึ้นเป็นรูปธรรม นับจากที่ภาครัฐได้วางแผนและนโยบายพร้อมทั้งให้การสนับสนุนการกระจายอำนาจลงสู่ท้องถิ่นในด้านการจัดการขยะชุมชนให้ก่อเกิดประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนและไม่เกิดมลพิษอันส่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมด้วย วันนี้ชุมชนเมืองในจังหวัดอุดรธานีที่ได้ร่วมกันผ่านประชาพิจารณ์ในเรื่องการกำจัดขยะมูลฝอยและให้นำขยะไปผลิตกระแสไฟฟ้าได้เกิดขึ้นจริงแล้ว โดยได้รับความไว้วางใจให้บริษัทเป็นผู้ดำเนินการโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชนด้วยเทคโนโลยีไพโรไลซิส ซึ่งถือว่าเป็นโรงไฟฟ้าขยะพลังงานสะอาดแห่งแรกที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนที่ใช้ด้วยเทคโนโลยีไพโรไลซิส  สามารถแก้ปัญหาขยะในเมืองอุดรธานีได้ 300 ตันต่อวัน หรือประมาณ109,500 ตันต่อปี อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะสามารถคืนทุนให้บริษัทภายใน5ปี ซึ่งแนวโน้มจะมีขยายโรงไฟฟ้าขยะ เพิ่มอีก2แห่ง อยู่ระหว่างการศึกษาพื้นที่เหมาะสมต่อไป
 
 
“การก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชนด้วยเทคโนโลยีไพโรไลซิสเป็นความร่วมมือกันของทุกภาคส่วนในระดับเทศบาลจนถึงระดับจังหวัด ซึ่งนับว่าเป็นโรงไฟฟ้าขยะต้นแบบแห่งแรกของประเทศไทยที่ใช้เทคโนโนโลยีไพโรไลซิส มาเป็นหัวใจหลักของกระบวนการผลิตเชื้อเพลิงจากขยะพลาสติก เพื่อป้อนเข้าสู่ขั้นตอนการผลิตไฟฟ้าขนาด 9.6 เมกะวัตต์ติดตั้ง และจะขายไฟฟ้าเข้าระบบจำนวน 8 เมกะวัตต์ตามสัญญาในสิ้นปี 2565 แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ต่อไปตามสัญญา 25 ปี
 
นายวีระ กล่าวว่า ทางเทศบาลเมืองอุดรธานีได้ให้ความสนใจในเทคโนโลยีการกำจัดขยะมาอย่างต่อเนื่อง และเห็นว่าขยะพลาสติกนับวันจะยิ่งเพิ่มปัญหาในด้านการจัดการและส่งผลกระทบมากยิ่งขึ้นในอนาคต ถึงเวลาแล้วที่ทางเทศบาลควรเดินหน้าโครงการจัดการขยะแบบครบวงจรเพื่อประชาชน จึงได้ให้บริษัท เมโทร เอนเนอร์ยี่ จำกัด ทำการศึกษาในเชิงลึกถึงแนวทางการใช้ขยะมูลฝอยของเทศบาลเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงยิ่งขึ้น และต้องได้รับการยอมรับจากภาคประชาชนด้วยนั้นเอง ทางบริษัทเมโทร เอนเนอร์ยี่จึงเสนอแนวทางเลือกด้วยเทคโนโลยีสะอาดเพื่อการกำจัดและผลิตไฟฟ้าได้อีกด้วยโดยเลือกใช้ บริษัทจีเอฟอี เอนเนอร์ยี่ บาล๊านซ์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำเทคโนโลยีด้านการจัดการของเสียแบบสะอาดครบวงจรหรือเรียกว่า โรงไฟฟ้าขยะเทคโนโลยีไพโรไลซิส เพื่อมาใช้กับโครงการนี้ ซึ่งการนำขยะมาผลิตไฟฟ้าที่ขนาด 9.6 เมกะวัตต์ จะช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 300,000  ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
 
 
ด้านนายสุรเดช บัวทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีเอฟอี เอนเนอร์ยี่ บาล๊านซ์ จำกัด กล่าวว่า ทางจีเอฟอี  ได้เล็งเห็นข้อดีของเทคโนโลยีไพโรไลซิส ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าการผลิตไฟฟ้าจากขยะโดยการใช้เตาเผาที่ใช้อย่างแพร่หลายในปัจจุบัน และยังเป็นเทคโนโลยีที่สะอาดไม่ก่อเกิดมลพิษ น่าจะมีการพัฒนาและต่อยอดไปได้อีกไกลในอนาคตเป็นอีกทางเลือกของการเปลี่ยนขยะพลาสติกเป็นพลังงานไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพ  
 
สำหรับเทคโนโลยีไพโรไลซิส (Pyrolysis Technology) คือ กระบวนการทางเคมีความร้อนที่ เปลี่ยนรูปพลาสติก ที่เป็นเชื้อเพลิงที่มี ค่าทางความร้อนสูงขึ้นในสภาวะที่ไม่มีออกซิเจน โดยทางโครงการ มีการนำขยะพลาสติกที่ผ่านการคัดแยกสู่ระบบเตาให้ความร้อนแบบควบคุมอากาศ โดยใช้ระบบเทคโนโลยีไพโรไรซิส (Pyrolysis) ที่ใช้อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 300 C – 350 C เพื่อเปลี่ยนสถานะจากของแข็ง เป็นของเหลวหรือน้ำมัน (Pyrolysis Oil) และก๊าซสังเคราะห์ (Synthetic Gas) หลังจากผ่านกระบวนการควบแน่น น้ำมันที่เกิดขึ้นจากกระบวนการนี้จะถูกกลั่นแยกให้คุณสมบัติเหมาะสมกับ การใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าเพื่อส่งเข้าสู่ระบบสายส่งของการไฟฟ้าฝ่ายภูมิภาค หรือPEA 
 
"จีเอฟอี เอนเนอร์ยี่ บาล๊านซ์ ขอยืนยันว่าจะสามารถก่อสร้างโรงไฟฟ้าขยะชุมชนให้แล้วเสร็จสิ้นเดือนสิงหาคม 2565 และคาดว่าจะจ่ายไฟเข้าระบบตามแผนอย่างแน่นอนให้กับการไฟฟ้าฝ่ายภูมิภาค หรือPEAต่อไป"