นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีรับมอบรถจักรดีเซลไฟฟ้า ในโครงการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้า น้ำหนักกดเพลา 16 ตัน/เพลา พร้อมอะไหล่ ระยะที่1 จำนวน 20 คัน จากกิจการร่วมค้าเอสเอฟอาร์ ซึ่งเป็นการร่วมมือระหว่างบริษัท ซานโฟโก อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และบริษัท ริเวอร์เอ็นจิเนียร่ิง จำกัด อย่างไรก็ตาม การรับมอบรถจักรดีเซลไฟฟ้านั้น อยู่ในแผนดำเนินการจัดหารถเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ รวมทั้งเป็นการทดแทนรถเก่าที่ต้องปลดระวาง ซึ่งขณะนี้หัวรถจักรของการรถไฟมีอยู่ประมาณ 250คัน ที่ส่วนใหญ่ก็ต้องมีการปลดระวาง โดยจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพทั้งด้านการขนส่งผู้โดยสาร และการขนส่งสินค้า เพื่อเป็นการรองรับโครงการรถไฟทางคู่ที่จะทยอยเปิดใช้งานในอนาคต

         

“การรถไฟได้มีการเปิดประกวดราคา และลงนามในสัญญาโครงการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้าเป็นแผนจัดหารถเพื่อทดแทนรถที่ปลดระวาง ตามแผน 50 คัน วงเงิน 6,525 ล้านบาท กับกิจการร่วมค้าเอสเอฟอาร์ เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2563 โดยมีกำหนดระยะเวลาการส่งมอบรถจักรแบ่งออกเป็น 2 ระยะ ซึ่งระยะแรกรับมอบจำนวน 20คัน และ ระยะ2 รับมอบเพิ่ม 30คัน ในช่วงปลายปี 2565 โดยรถที่รับมอบจำนวน 20คัน ในครั้งนี้จะต้องทำการทดสอบระบบทั้งหมด คาดว่าจะสามารถนำมาให้บริการได้ภายในเดือนพฤษภาคม2565 นอกจากนี้ การรถไฟยังมีแผนที่จะจัดหาแคร่สินค้าเพิ่ม 975คัน ส่วนรถดีเซลรางประมาณ 184คัน ซึ่งได้เสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)และกระทรวงคมนาคมพิจารณาต่อไป”นายนิรุฒ กล่าว

 

         

สำหรับจุดเด่นของรถจักรดีเซลไฟฟ้าดังกล่าว ได้ถูกออกแบบและผลิตด้วยเทคโนโลยีทันสมัย มีสมรรถนะในการลากจูงขบวนรถโดยสารได้ความเร็วสูงสุด 12กิโลเมตรต่อชั่วโมง และลากจูงขบวนรถสินค้าที่ความเร็วสูงสุด 70กิโลเมตรต่อชั่วโมง นอกจากนี้ มีการติดตั้งระบบห้ามล้ออัตโนมัติ (Automatic Train Protection - ATP) รองรับกับมาตรฐาน ETCS level ๑ : (European Train Control System: ETCS) รวมถึง มีเครื่องยนต์รถจักร ผลิตจาก

 

ประเทศเยอรมนี ซึ่งมีค่ามาตรฐานในการปล่อยควันไอเสียต่ำตามมาตรฐานเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตลอดจนได้ติดตั้ง ระบบกล้อง CCTV เพื่อบันทึกเหตุการณ์ด้านหน้ารถจักรและเครื่องพ่วงเพื่อยกระดับความปลอดภัยในการเดินรถอีกด้วย