เศรษฐกิจ
สอท.-กฟภ.รับเทรนด์โลกใหม่ “พลังงานสะอาด”
วันจันทร์ ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2565, 15.34 น.
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

สอท.-กฟภ.รับเทรนด์โลกใหม่ “พลังงานสะอาด”
ส.อ.ท. จับมือ กฟภ. นำร่องการใช้พลังงานสะอาดผลิตสิ นค้าเพื่อการส่งออกในการแก้ปั ญหากติกาโลกใหม่ (NTB)
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จับมือ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือPEA ประกาศโครงการนำร่องการพั ฒนาทางด้านพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy: RE) และ Carbon Credit เพื่อจัดทำฐานข้อมูลและการรั บรองการผลิตไฟฟ้า RE และ Carbon Credit โดยเชื่อมต่อกับ Platform ของ ส.อ.ท. เพื่อให้สามารถใช้เป็นต้ นแบบตามแนวทางการพัฒนาเทคโนโลยี และการประยุกต์ใช้ RE ตลอดจนขยายผลการศึกษาและการพั ฒนาไปสู่โครงการอื่นๆ ต่อไป เช่น โครงการ ERC Sandbox ระยะที่ 2 ในการตอบโจทย์และแก้ไขปั ญหาของการค้าการส่ งออกของประเทศไทยเป็นสำคัญ โดยมี นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน ส.อ.ท. นายสุวิทย์ ธรณินทร์พานิช ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมพลั งงานหมุนเวียน และประธานคณะทำงานส่งเสริ มและสนับสนุนการลดก๊าซเรื อนกระจกของภาคอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นายศุภชัย เอกอุ่น ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ดร.บัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และดร.กิติพงค์ พร้อมวงค์ ผู้อำนวยการสำนั กงานสภานโยบายการอุดมศึกษาวิ ทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ร่วมประกาศความร่วมมือขับเคลื่ อนโครงการฯ ณ ห้อง PTT GROUP (1012) ชั้น 10 สภาอุตสาหกรรมฯ ซึ่งจัดขึ้นภายใต้มาตรการการป้ องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้ อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขอย่ างเคร่งครัด
.jpg)
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่ งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ต้นทุนค่าไฟฟ้าของระบบพลั งงานหมุนเวียนที่ลดลง ส่งผลให้ผู้ใช้ไฟฟ้ามีความต้ องการที่จะใช้ไฟฟ้าจากพลั งงานหมุนเวียนมากขึ้น อีกทั้งธุรกิจพลังงานไฟฟ้ารู ปแบบใหม่ยังถูกพัฒนาขึ้นอย่างต่ อเนื่อง อาทิเช่น การเกิดขึ้นของตลาดคาร์บอนเครดิ ต และการทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าในรู ปแบบใหม่ ดังนั้น ภาครัฐและเอกชนควรที่จะต้องเตรี ยมตัวให้พร้อม เพื่อเพิ่มขี ดความสามารถของประเทศให้สอดคล้ องกับกติกาโลกใหม่ และบรรลุเป้าหมายการขับเคลื่อน
พลังงานทดแทน ให้มีสัดส่วน 30% ของพลังงานไฟฟ้าทั้ งประเทศภายในปี 2030 รวมถึงเป้าหมายความเป็ นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็ นศูนย์ภายในปี 2065 ด้วยเหตุดังกล่าวจึงเป็นที่ มาของ
ความร่วมมือระหว่างสภาอุ ตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ในการลงนาม “บันทึกข้อตกลงโครงการนำร่ องการพัฒนาทางด้านพลังงานหมุ นเวียนและคาร์บอนเครดิต” เพื่อจัดทำฐานข้อมูลและการรั บรองการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวี ยนและคาร์บอนเครดิตโดยเชื่อมต่ อกับแพลตฟอร์มของสภาอุตสาหกรรมฯ ผ่านโครงการ ERC Sandbox ระยะที่ 2 โดยการริเริ่มและสนับสนุ นจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลั งงาน (กกพ.) เพื่อให้สามารถใช้เป็นต้ นแบบตามแนวทางการพัฒนาเทคโนโลยี และการประยุกต์ใช้พลังงานทดแทน ทั้งนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการร่วมมื อในโครงการนำร่องฯ ระหว่างสภาอุตสาหกรรมแห่ งประเทศไทยและการไฟฟ้าส่วนภูมิ ภาคในครั้งนี้จะส่งผลให้ ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายตามที่ ได้กล่าวมา
.jpg)
นายศุภชัย เอกอุ่น ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กล่าวว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีด้านพลังงานมี การพัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปอย่ างรวดเร็วการศึกษาพั ฒนาโครงการนําร่องด้านพลั งงานหมุนเวียน โดยการจัดทําฐานข้อมูล การรับรอง การผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน และ Carbon Credit โดยการนําระบบแพลตฟอร์มมาบู รณาการ เพื่อใช้เป็นต้ นแบบตามแนวทางการพัฒนาเทคโนโลยี และการประยุกต์ใช้พลังงานทดแทน รวมถึงการขยายผลการศึกษาไปสู่ โครงการอื่น ๆ จะช่วยให้ภาพรวมของประเทศไทย มีศักยภาพ ด้านการผลิต และการให้บริการด้านพลังงานสู งขึ้น ทั้งนี้การร่วมมือระหว่าง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
ซึ่งเป็นองค์กรที่เป็นตั วแทนของภาคอุ ตสาหกรรมเอกชนของประเทศไทยที่มี บทบาททางด้านการส่งเสริมและพั ฒนาการประกอบอุตสาหกรรมชั้ นนำของผู้ประกอบการทั้ งภายในและต่างประเทศ จึงถือเป็นโอกาสที่ดีของทั้ง 2 หน่วยงานในการร่วมกั นแสวงหาแนวทางในการศึกษาและสร้ างนวัตกรรมใหม่ที่จะเป็ นประโยชน์ต่อประเทศชาติในอนาคต
นายสุวิทย์ ธรณินทร์พานิช ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมพลั งงานหมุนเวียน และประธานคณะทำงานส่งเสริ มและสนับสนุนการลดก๊าซเรื อนกระจกของภาคอุตสาหกรรม ได้จัดทำสรุปรายงานเรื่องนี้ว่า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้ เล็งเห็นถึงความเดือดร้อนของผู้ ประกอบการไทยทั้งภาคการผลิ ตและภาคการค้าที่กำลังจะประสบปั ญหากลไกด้านสิ่งแวดล้อมแบบ Non-Tariff Barrier ที่ส่งผลให้ความต้องการ การใช้พลังงานหมุนเวี ยนในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมาก เกิดธุรกิจพลังงานไฟฟ้ารู ปแบบใหม่ที่มีความหลากหลาย และยังมีความท้าทายที่ต้ องการการสนับสนุนจากหลายหน่ วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน การที่สภาอุตสาหกรรมแห่ งประเทศไทยได้ร่วมมือกับการไฟฟ้ าส่วนภูมิภาคในครั้งนี้ผ่ านโครงการ ERC Sandbox ระยะที่ 2 ที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลั งงานได้ริเริ่มสนับสนุนและผ่ อนคลายกฎระเบียบให้ผู้เข้าร่ วมโครงการสามารถซื้อขายไฟฟ้าข้ ามสายส่ง และเปิดการอนุญาตทดลองกติการู ปแบบใหม่ ๆ เพื่อทดลองแนวทางที่เหมาะสมที่ สามารถผลักดันให้ผู้ ประกอบการไทยสามารถแข่งขันกับธุ รกิจต่างประเทศ และเพิ่มขี ดความสามารถของประเทศให้สอดคล้ องกับความต้องการของสากล โดยโอกาสในครั้งนี้ถือเป็นอี กหนึ่งก้าวที่สำคัญในการเปลี่ ยนผ่านประเทศไทยสู่ยุคสังคมคาร์ บอนต่ำ
นายบัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กล่าวว่า โครงการ ERC Sandbox ระยะที่ 2 มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนให้ เกิดการทดสอบทางเทคโนโลยีด้ านพลังงานในสภาพแวดล้ อมของการใช้งานจริงในพื้นที่ และขนาดที่จำกัด อีกทั้งเพื่อกำหนดแนวทางการกำกั บดูแลการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ทั้งในรูปแบบเปิดกว้างและแบบมุ่ งเป้าในด้าน Green Innovation และ Green Regulation ทั้งนี้ จะทำให้เกิดการพัฒนารูปแบบธุรกิ จการให้บริการทางด้านพลังงานรู ปแบบใหม่ ที่จะนำไปสู่การเพิ่มทางเลื อกและช่องทางการเข้าถึงบริการด้ านพลังงาน ประชาชนได้ใช้ไฟฟ้าจากพลั งงานสะอาดมากขึ้นในราคาที่ เหมาะสม
นายกิติพงค์ พร้อมวงค์ ผู้อำนวยการสำนั กงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ได้กล่าวถึงนโยบายของ สอวช. และการสนับสนุนการอบรมให้ความรู้ แก่ผู้ประกอบการโดยแบ่งเป็น 6 หลักสูตรคือ 1) Design Principle: Passive & Active Design, 2) Energy Efficiency, 3) Renewable Energy, 4) 3R + 1W + 1C, 5) Carbon Credit Certificate, 6) Carbon Credit/RE Platform ซึ่งคาดว่าจะเริ่มต้นในเดื อนพฤษภาคม 2565
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่