เศรษฐกิจ
"สุพัฒนพงษ์" ลั่นได้ความชัดเจนนำกำไรโรงกลั่นสัปดาห์นี้
วันพฤหัสบดี ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2565, 17.01 น.
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
"สุพัฒนพงษ์" ลั่นได้ความชัดเจนนำกำไรโรงกลั่ นสัปดาห์นี้
"สุพัฒนพงษ์" ยืนยันได้ความชั ดเจนการนำกำไรโรงกลั่น ช่วยราคาพลังงานประชาชนภายในสั ปดาห์นี้ ขณะที่ผู้ประกอบการยืนยันอยู่ ระหว่างหารือภาครัฐ แนะควรใช้กฎหมายที่ชัดเจน
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่ าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้ าการขอความร่วมมือโรงกลั่นให้ส่ งกำไรค่าการกลั่นให้กองทุนน้ำมั นเชื้อเพลิงเพื่อดูแลราคาพลั งงานของประเทศว่า ได้ให้ผู้ประกอบการโรงกลั่นไปร่ วมกันพิจารณาแนวทางการนำเงิ นมาช่วยเหลือราคาพลังงานประชาชน โดยจะได้คำตอบภายในสัปดาห์นี้ ส่วนวงเงินที่จะส่งเงินจะได้ถึง 2 หมื่นล้านบาทหรือไม่นั้น ยังอยู่ระหว่างการหารือของผู้ ประกอบการโรงกลั่น
อย่างไรก็ตามอาจมีการปรับเปลี่ ยนวิธีการจากการใช้กฎหมายกองทุ นน้ำมันฯ มาดำเนินการให้ผู้ประกอบการส่ งกำไรค่าการกลั่นเข้ากองทุนฯ ก็อาจเป็นวิธีการช่วยเหลื อแทนได้ โดยเป็นเรื่องของธรรมาภิ บาลของบริษัทฯ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับกองทุนน้ำ มันฯ ก็ได้ และจะให้ดำเนินการเป็ นมาตรการระยะสั้น 3 เดือน
ทั้งนี้ได้ส่งสัญญาณให้ผู้ ประกอบการพิจารณานึกถึงเรื่ องธรรมาภิบาล ที่ไม่ควรมุ่งผลกำไรสูงสุดอย่ างเดียว ต้องคำนึงถึงประชาชนและสิ่ งแวดล้อมด้วย แม้ปัจจุบันราคาน้ำมันจะเป็ นไปตามกลไกตลาดเสรี แต่การขึ้นราคาน้ำมันติดต่อกั นต่อเนื่องก็จะกระทบผู้บริโภค ซึ่งบริษัทที่มีความยั่งยืนด้ านพลังงานและมีธรรมาภิบาลควรช่ วยเหลือประชาชนด้วย โดยเชื่อว่าโรงกลั่นทุ กรายในประเทศมีธรรมาภิบาล ไม่ได้คำนึงถึงกำไรสูงสุดเพี ยงอย่างเดียว
แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการธุรกิ จโรงกลั่นน้ำมัน กล่าวว่า กรณีที่ภาครัฐขอความร่วมมือให้ 6 โรงกลั่นน้ำมัน ประกอบด้วย บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ,บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC ,บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ,บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ,บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO และบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC เร่งสรุปแนวทางนำส่งเงินกำไรส่ วนหนึ่งจากค่าการกลั่นเข้าสู่ กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในช่วงวิ กฤตน้ำมันแพงนั้น
ในขณะนี้ทั้ง 6 โรงกลั่นยังอยู่ระหว่างการพูดคุ ยกับหน่วยงานภาครัฐ ถึงแนวทางดำเนินการเพื่ อหาทางออกที่ดีร่วมกัน โดยเบื้องต้น มองว่า ภาครัฐควรจะต้องออกระเบียบ กติกา หรือ ข้อกฎหมายขึ้นมารองรับการดำเนิ นให้เกิดความชัดเจน และตอบข้อสงสัยของทุกฝ่ายได้ เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหา หรือปัญหาฟ้องร้องตามหลัง ซึ่งการเก็บส่วนต่างจากกำไรค่ าการกลั่น อาจใช้กฎหมาย พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันฯ เข้ามาดำเนินการได้ แต่ก็ต้องรอให้คณะกรรมการกฤษฎี กา พิจารณาข้อฎหมายต่างๆให้ถี่ถ้วน และน่าจะต้องมีการออกกฎหมายลู กขึ้นมารองรับด้วย ซึ่งก็น่าจะใช้เวลาดำเนินการสั กระยะ
ดังนั้น ตามแผนเดิมที่ภาครัฐต้องการให้ ทั้ง 6 โรงกลั่น เริ่มดำเนินการจัดส่งส่วนต่างค่ าการกลั่นเข้าสู่กองทุนน้ำมันฯ 3 เดือน เรื่องตั้งแต่เดือน ก.ค.-ก.ย. 2565 นั้น ก็อาจจะต้องขยับระยะเวลาดำเนิ นการออกไปจนกว่า การพิจารณาข้อฎหมายต่างๆเพื่ อมารองรับการดำเนินการจะแล้ วเสร็จ
อย่างไรส่วนหลักเกณฑ์การเก็บเงิ นจากส่วนต่างกำไรของค่าการกลั่ นเข้าสู่กองทุนน้ำมันฯจะเป็นเท่ าไหร่นั้น ยังต้องเจรจาร่วมกัน เพราะขณะนี้ ธุรกิจโรงกลั่น ต้องเผชิญกับความเสี่ยง จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับสูงขึ้น และเงินบาทอ่อนค่า ซึ่งการอ่อนค่าของเงินบาท 1 บาทต่อดอลลาร์ จะกระทบต่อต้นทุนราคาประมาณ 20 สตางค์ต่อลิตร ขณะที่อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิ จ(GDP)ประเทศ ปี 2565 นี้ อาจไม่ถึง 2.5-3% ตามที่ประเมินไว้ อย่างไรก็ตามการดู แลผลกระทบจากราคาน้ำมันไม่ให้ ปรับสูงขึ้นจนเกินไปก็ถือเป็ นเรื่องสำคัญที่จะต้องดำเนิ นการเพื่อพยุงการเติ บโตของเศรษฐกิจในปีนี้ด้วยเช่ นกัน
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่








