วันศุกร์ ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 16:18 น.

เศรษฐกิจ

SCC เล็งปรับเป้ารายได้ปีนี้ใหม่ ชี้ศก.โลก-ราคาพลังงานผันผวน

วันพฤหัสบดี ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2566, 18.09 น.
SCC เล็งปรับเป้ารายได้ปีนี้ใหม่
ชี้ศก.โลก-ราคาพลังงานผันผวน
 
 
SCC เล็งปรับเป้ารายได้ปีนี้ใหม่ จากเดิมตั้งเป้าโต10% เหตุศก.โลกเสี่ยงชะลอตัว-ราคาพลังงานผันผวน ขณะที่ไทยเศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้นจากเติบโตของภาคท่องเที่ยว ห่วงความเสี่ยงภัยแล้งและปัญหาฝุ่นPM2.5 ฉุดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตฯลดลง
 
 
นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน)(SCC)เปิดเผยว่าเป้าหมายรายได้จากการขายในปี2566ที่เดิมบริษัทตั้งเป้าเติบโต 10%จากปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 569,609 ล้านบาทนั้นไม่ง่าย ยอมรับว่าเหนื่อย ซึ่งบริษัทเตรียมทบทวนรายได้ใหม่หลังผ่านครึ่งปีแรกไปแล้ว เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วนถึง 40% ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจอาเซียนมีการฟื้นตัวยังไม่เด่นชัด และมีปัจจัยเสี่ยงมากทั้งอัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้อที่สูง ส่งผลกระทบต่อภาคอสังหาริมทรัพย์บางประเทศ ส่วนเศรษฐกิจโลกยังคงเปราะบางโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาและยุโรปที่มีความเสี่ยงเข้าสู่เศรษฐกิจชะลอตัวจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากเพื่อสกัดเงินเฟ้อสูง และยังมีปัญหาราคาพลังงานผันผวนด้วย
 
 
ทั้งนี้เศรษฐกิจไทยมีสัญญาณการฟื้นตัวเด่นชัดมากจากภาคการท่องเที่ยวที่ตั้งเป้าหมายว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้าไทย25ล้านคนน่าจะเป็นไปได้จากไตรมาสแรกปีนี้ มีนักท่องเที่ยวเข้าไทยแล้ว 6ล้านคน แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง 3 เรื่อง คือ 1.ความผันผวนราคาพลังงาน เช่น ค่าไฟและพลังงานอื่น ที่ลดทอนขีดความสามารถในการแข่งขันภาคอุตสาหกรรม 2.ความเสี่ยงภัยแล้งที่สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ( สสน.) คาดการณ์ปี2566-67อาจมีฝนน้อยกว่าปกติและฝนทิ้งช่วง ทำให้เสี่ยงต่อภัยแล้งข้ามปี และ3.สถานการณ์ฝุ่นPM2.5 ที่สูงเกินมาตรฐาน กระทบต่อสุขภาพประชาชนและหากไม่เร่งแก้ไขจะกระทบภาคการท่องเที่ยวได้ ดังนั้นปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้เป็นเรื่องเค่งด่วนที่ทุกภาคส่งควรร่วมมือหาทางออกเพื่อคงความสามารถในการแข่งขันของประเทศและการเติบโตทางเศรษฐกิจไทย
 
 
โดยบริษัทฯ ได้เร่งปรับตัวและร่วมแก้ปัญหาจากปัจจัยเสี่ยงอย่างเต็มที่ โดยเพิ่มสัดสวนการใช้พลังงานทดแทนจากเชื้อเพลิงไบโอแมสและพลังงานแสงอาทิตย์ รวมทั้งปรับปรุงการใช้น้ำรีไซเคิล และกำหนดมาตรการใช้น้ำอย่างประหยัดรวมถึงการเตรียมแหล่งน้ำในพื้นที่เพื่อสำรองน้ำไว้ใช้ด้วย บริษัทได้มีมาตรการเข้มงวดในการกำจัดฝุ่นจากแหล่งกำเนิด โดยติดตั้งระบบดักฝุ่น การทำเหมืองแบบ Semi Open Cut โดยมีขอบเขา (Buffer Zone) เป็นกำแพงกันฝุ่น ฉีดพรมน้ำตามเส้นทางขนส่ง และคลุมผ้าใบรถทุกคัน ปลูกต้นไม้รอบพื้นที่เป็นแนวกันฝุ่น (Green Belt) และร่วมกับคู่ธุรกิจ ลดฝุ่นจากงานก่อสร้าง ด้วยการใช้ BIM ในการออกแบบ และหล่อชิ้นงานสำเร็จรูปหรือทำเป็นโมดูลาร์ประกอบที่หน้างาน (Of-Site Construction) เป็นต้น
 
นายรุ่งโรจน์ กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/2566 น่าจะใกล้เคียงกับไตรมาส 1/2566 เนื่องจากการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน โดยนำพลังงานทดแทนเข้ามาใช้แทนถ่านหิน รวมทั้งต้นทุนราคาพลังงานบางชนิดปรับลดลง แม้ว่าไตรมาส2นี้ไทยจะมีวันหยุดยาว รวมทั้งอินโดนีเซียเป็นช่วงถือศีลอด
 
 
สำหรับผลประกอบการไตรมาส1/2566 SCCมีรายได้จากการขาย 128,748 ล้านบาท ลดลง 16%จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สาเหตุมาจากปริมาณขายและราคาขายของสินค้าเคมีภัณฑ์ที่ลดลง มีEBITDA ลดลง31%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสำหรับงวด 16,526 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 87 %จากช่วงเดียวกันปีก่อน สาเหตุหลักมาจากในไตรมาส 1ปี 2566 มีกำไรจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนของเงินลงทุนใน SCG Logistics จากการรวมธุรกิจ SCGJWD Logistics ของธุรกิจซีเมนต์และ ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ทั้งนี้บริษัทมีกําไรที่ไม่รวมรายการพิเศษ (Profit excluding extra items) อยู่ที่ 4,516 ล้านบาท ลดลง 42%จากช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากปริมาณขายสินค้าเคมีภัณฑ์ และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลดลง ประกอบกับต้นทุนพลังงานเพิ่มขึ้นจากปีก่อน
 
 
อย่างไรก็ตามสำหรับความคืบหน้าโครงการปิโตรเคมีครบวงจร LSP ในประเทศเวียดนาม ขณะนี้เริ่มทดลองเดินเครื่องในส่วนโรงงานผลิตเม็ดพลาสติกป้อนตลาดเวียดนามซึ่งมีฐานลูกค้าอยู่แล้ว รวมทั้งจะทดลองเดินเครื่องโรงโอเลฟินส์ด้วย คาดจะดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในกลางปีนี้ โดยโครงการLSP มีจุดแข็งเรื่องความยืดหยุ่นในการใช้วัตถุดิบ(Feedstock) เมื่อเข้าสู่ฤดูร้อนความต้องการใช้และราคาโพรเพนและLPGจะต่ำลง ซึ่งบริษัทจะพิจารณาการสัดส่วนการใช้วัตถุดิบให้เหมาะสมเพื่อให้ต้นทุนแข่งขันได้
 
 
นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทยจำกัด(มหาชน) กล่าวว่า จากเทรนด์รักษ์โลกและค่าไฟราคาสูง ส่งผลให้ SCG Cleanergy ผู้ให้บริการซื้อ-ขายไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดครบวงจร สำหรับภาครัฐ ธุรกิจและอุตสาหกรรมเติบโตต่อเนื่อง ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ด้วยระบบเทคโนโลยีอัจฉริยะ (Smart Grid) สำหรับการซื้อ-ขายไฟฟ้าพลังงานสะอาด ที่สะดวก รวดเร็ว ทั้งยังต่อยอดให้ลูกค้าขายไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดได้เองในอนาคต
 
 
ล่าสุด ได้รับคัดเลือกเป็นผู้ผลิต-ขายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ให้ภาครัฐ จำนวน 10 โครงการ ขนาด 367 เมกะวัตต์ ขณะเดียวกัน การลงทุนกับ Rondo Energy สตาร์ทอัพดาวรุ่งด้านพลังงานสะอาดระดับโลก ผู้พัฒนานวัตกรรมแบตเตอรี่กักเก็บความร้อน (Thermal Energy Storage) อุณหภูมิสูงที่สุดในโลก เพื่อจ่ายพลังงานความร้อนให้โรงงานทดแทนการใช้บอยเลอร์ (Boiler) ทำให้ลดการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ล่าสุด ติดตั้งใช้จริงแล้วที่ บริษัท Calgren Renewable Fuels ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยจะนำนวัตกรรม Thermal Energy Storage นี้มาใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมในเครือSCCและโรงงานอุตสาหกรรมในไทยด้วย