เศรษฐกิจ
ปตท.ชี้น้ำมันดิบครึ่งปีหลังไม่หวือหวา
วันศุกร์ ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2566, 17.05 น.
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

ปตท.ชี้น้ำมันดิบครึ่งปีหลังไม่ หวือหวา
"ปตท." คาดราคาน้ำมันดิบตลาดโลก ช่วงครึ่งปีหลังแตะ 80 เหรียญต่อบาร์เรล ระบุความกังวลเศรษฐโลกชะลอตัว และเศรษฐกิจจีนยังไม่หวือหวาหลั งเปิดประเทศ ขณะที่มั่นใจธุรกิจปิโตรเลียมขั้ นปลาย ช่วยเสริมแกร่งพลังงานไทย สู่ธุรกิจใหม่เพื่อเป้าหมาย การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็ นศูนย์
นายพงษ์พันธุ์ อมรวิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุ รกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาพลั งงานตลาดโลกว่า สำหรับราคาน้ำมันดิบตลาดโลก ล่าสุดอยู่ระดับที่75 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล คาดว่าช่วงครึ่งปีหลังจะอยู่ ระดับ 80 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดยราคาไม่หวือหวาสูงขึ้นอย่ างที่หลายฝ่ายคาดการณ์ เนื่องจากความกั งวลเศรษฐโลกชะลอตัว และเศรษฐกิจจีนยังไม่หวือหวาหลั งเปิดประเทศ
โดยขณะนี้สถานการณ์ราคาพลั งงานเริ่มคลี่คลายลง โดยเฉพาะราคาก๊าซธรรมชาติ เหลวตลาดจร (สปอตแอลเอ็นจี) ราคาซื้อขายเดือนมิถุ นายนลดลงเหลือระดับ 9 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู ขณะที่ช่วงปลายปีนี้ คาดว่าราคาจะอยู่ระดับใกล้เคียง เนื่องจากสต็อกแอลเอ็นจีทั่ วโลกขึ้นไประดับ 60% ไม่เกิดภาวะขาดแคลนเหมือนช่ วงภาวะสงครามในช่วงที่ผ่านมา จนทำให้ราคาเคยทำสถิติพุ่งสูงถึ ง 80 เหรียญสหรัฐขณะที่ประเทศไทยซื้ อได้ในราคา 40 เหรียญสหรัฐ ซึ่งถือว่าเป็นระดับสูงเช่นกัน ดังนั้น น่าจะเป็นข่าวดีสำหรับค่ าไฟของไทยงวดปลายปี 2566 ให้ราคาถูกลง เพราะใช้เชื้อเพลิงแอลเอ็นจีผลิ ตไฟฟ้าค่อนข้างมาก
นายพงษ์พันธุ์ กล่าวว่า บทบาทของหน่วยธุรกิจการค้าระหว่ างประเทศ ปตท. ในการขยายเครือข่ายทางการค้าให้ ครอบคลุมทั่วโลก เพื่อเพิ่มขี ดความสามารถทางการแข่งขัน สร้างมูลค่าเพิ่มสูงสุด และนำรายได้เข้าประเทศ รวมถึงการสร้างธุรกิจใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์โลกพลังงานที่กำลั งจะเปลี่ยนไปในอนาคต
โดยหน่วยธุรกิจการค้าระหว่ างประเทศ มีสำนักงานการค้าอยู่ในจุดยุ ทธศาสตร์ของทุกภูมิภาคทั่วโลก โดยในปี 2565 ที่ผ่านมา มีปริมาณการค้ารวมมากกว่า 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ครอบคลุมมากกว่า 70 ประเทศทั่วโลก และมีการจัดหาพลังงานทั้งน้ำมั นและก๊าซธรรมชาติ เหลวจากหลากหลายภูมิภาคทั่วโลก เพื่อรองรับความต้องการพลั งงานของประเทศ
นอกจากนี้ ยังแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ อาทิ การเข้าสู่ตลาด Carbon Credit Trading และการค้าเชื้อเพลิ งอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) เป็นต้น ซึ่งจะเป็นหนึ่งในกลไกที่ช่วยขั บเคลื่อนกลุ่ม ปตท. และประเทศไทยเพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero Emissions ปี 2050 ตามที่กำหนดไว้
นายประสงค์ อินทรหนองไผ่ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริ หารกลยุทธ์กลุ่มธุรกิจปิโตรเลี ยมขั้นปลาย กล่าวว่า ปตท. ได้ดำเนินกลยุทธ์การดำเนินงานผ่ านความร่วมมือภายในกลุ่ม ปตท. เพื่อคงความสามารถในการแข่งขั นให้กับธุรกิจเดิม (Hydrocarbon based) และเป็นฐานต่อยอดธุรกิจใหม่ ในกลุ่มผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง (Advance Materials & Specialty Chemicals) ที่สอดคล้องกับการเติ บโตตามกระแสโลก โดยสามารถเชื่อมโยงและเติมเต็ มห่วงโซ่อุปทาน (Value Chain) ธุรกิจใหม่ ของกลุ่ม ปตท.
ทั้งนี้เพิ่มสัดส่วนธุรกิจคาร์ บอนต่ำและธุรกิจใหม่ที่ไกลกว่ าพลังงาน ซึ่งยังมีการนำเทคโนโลยีเป็ นเครื่องมือช่วยเสริมการบริ หารจัดการเพื่อช่วยประกอบการตั ดสินใจให้แก่ภาครัฐ อาทิ การใช้ระบบดิจิทั ลมาวางแผนการผลิตน้ำมั นในประเทศด้วยระบบดิจิทัล ผ่าน Hydrocarbon Value Chain Collaboration Center รวมถึงเครื่องมือในการบริหารจั ดการทางเลือกใช้เชื้อเพลิ งของประเทศในภาวะราคาพลังงานผั นผวน เป็นต้น
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่