วันจันทร์ ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 11:44 น.

เศรษฐกิจ

“สุริยะ” เดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายคมนาคม 150 โครงการ

วันอังคาร ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2567, 20.02 น.

สุริยะเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายคมนาคม 150 โครงการ

         

นายสุริยะ  จึงรุ่งเรืองกิจ  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากที่ได้ดำเนินการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนนโยบายคมนาคมเพื่อความอุดมสุขของประชาชนปี 2567 - 2568 โดยมีเป้าหมายผลักดันทุกโครงการให้เป็นรูปธรรม รวมถึงจัดทำแผนเพิ่มเติม สอดรับกับกรอบนโยบายของรัฐบาล และนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมและทุกหน่วยงานในสังกัดฯ พร้อมที่จะดำเนินงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อผลักดันภาพรวมเศรษฐกิจ มุ่งเน้นความปลอดภัย พร้อมทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตให้ที่ดีขึ้น 

        

สำหรับภาพรวมการลงทุนด้านคมนาคมในปี 2567 - 2568 นั้น มีจำนวนโครงการรวมทั้งสิ้น 150 โครงการ แบ่งเป็น โครงการที่จะเปิดให้บริการภายในปี 2567 จำนวน 64 โครงการ และโครงการที่จะเริ่มก่อสร้างอีกจำนวน 31 โครงการ มูลค่าลงทุนรวม 389,750 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2568 มีโครงการใหม่อีกจำนวน 57 โครงการ มูลค่าลงทุนรวม 263,016 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนดังกล่าวของปี 2568 นั้น มีโครงการขนาดใหญ่ ที่มีมูลค่าลงทุนสูงเกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 13 โครงการ มูลค่าลงทุนรวม 254,183 ล้านบาท 

         

 นายสุริยะ กล่าวว่า รายละเอียดโครงการมิติทางถนน พบว่า มีโครงการที่จะเปิดให้บริการ ปี 2567 จำนวน 18 โครงการ เช่น มอเตอร์เวย์ M81 สายบางใหญ่ - กาญจนบุรี, มอเตอร์เวย์ M6 สายบางปะอินสระบุรีนครราชสีมา, สะพานมิตรภาพไทย - ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ - บอลิคำไซ) .บึงกาฬ เป็นต้น ส่วนโครงการใหม่ที่จะเริ่มก่อสร้างในปี 2567 จำนวน 13 โครงการ เช่น มอเตอร์เวย์ M9 สายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ด้านตะวันตก ตอนบางบัวทองบางปะอิน มอเตอร์เวย์ ส่วนต่อขยาย M7 เชื่อมต่อสนามบินอู่ตะเภา ทางพิเศษฉลองรัช ส่วนต่อขยาย (ช่วงจตุโชติ - ลำลูกกา) ทางพิเศษจังหวัดภูเก็ต ตอนกะทู้ป่าตอง เป็นต้น และโครงการใหม่ในปี 2568 จำนวน 24 โครงการ เช่น ก่อสร้างทางแนวใหม่เชื่อม M6 - ทล.32 ก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโกลก แห่งที่ 2 ที่ .สุไหงโกลก - รันเตาปันยัง .นราธิวาส โครงการพัฒนาถนนวงแหวนรอบเมืองเชียงใหม่ รอบที่ 3 (ทล.121) เป็นต้น 

 

นายสุริยะ กล่าวอีกว่า ด้านการพัฒนาการขนส่งทางราง กระทรวงคมนาคมได้เร่งรัดโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายใหม่ และโครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 รถไฟความเร็วสูงและโครงข่ายการขนส่งสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้บริการได้ตรงเวลา และลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าและการเดินทางของประชาชน รวมทั้งผลักดันการออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลการให้บริการระบบการขนส่งทางราง โดยโครงการที่จะเปิดให้บริการ ปี 2567 จำนวน 9 โครงการ เช่น รถไฟทางคู่ ช่วงนครปฐม - หัวหิน ช่วงหัวหิน - ประจวบคีรีขันธ์ ช่วงประจวบคีรีขันธ์ - ชุมพร เป็นต้น ส่วนโครงการใหม่ที่จะเริ่มก่อสร้างในปี 2567 จำนวน 6 โครงการ เช่น รถไฟชานเมืองสายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต - มธ. ศูนย์รังสิต รถไฟชานเมืองสายสีแดงช่วงตลิ่งชัน - ศาลายา รถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน - ศิริราช รถไฟทางคู่ ช่วง ชุมทางถนนจิระอุบลราชธานี เป็นต้น และโครงการใหม่ในปี 2568 จำนวน 10 โครงการ เช่น การจัดหารถจักรและล้อเลื่อนเพื่อรองรับรถไฟทางคู่ การศึกษาจัดทำมาตรฐานเขตระบบรถขนส่งทางรางและเขตปลอดภัยระบบรถขนส่ การจัดทำกฎหมายลำดับรองภายใต้ร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง .. .... เป็นต้น

        

นายสุริยะ กล่าวอีกว่า ในปี 2568 กระทรวงคมนาคมมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ (Mega Projects) ที่มีมูลค่าลงทุนเกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 13 โครงการ และมีมูลค่าลงทุนรวม 254,183 ล้านบาท ได้แก่ มิติการขนส่งทางถนน เช่น โครงการถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร รอบที่ 3 ด้านทิศใต้, โครงการทางแยกต่างระดับสันป่าตอง .สันป่าตอง .เชียงใหม่, โครงการพัฒนาถนนวงแหวนรอบเมืองเชียงใหม่ รอบที่ 3 (ทล.121) และโครงการต่อเชื่อมถนนนครอินทร์ - ศาลายา ด้านมิติการขนส่งทางบก ได้แก่ โครงการสถานีขนส่งสินค้าจังหวัดสุราษฎร์ธานี ส่วนมิติการขนส่งทางราง ได้แก่ แผนการจัดหารถจักรและล้อเลื่อนเพื่อรองรับรถไฟทางคู่ ขณะที่ มิติการขนส่งทางน้ำ ได้แก่ ขุดลอกบำรุงรักษาร่องน้ำเศรษฐกิ จำนวน 10 แห่ง เป็นต้น และมิติการขนส่งทางอากาศ ได้แก่ โครงการก่อสร้างต่อเติมความยาวทางวิ่ง  ขยายทางขับ ลานจอดเครื่องบิน พร้อมระบบไฟฟ้าสนามบิน และองค์ประกอบอื่น ของท่าอากาศยานชุมพร

 

อย่างไรก็ตาม ในปี 2568 กระทรวงคมนาคมจะเร่งลงทุนโครงการฯ โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบราง และโครงการตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการส่งเสริมการท่องเที่ยว รวมถึงโครงการแก้ปัญหา Missing Link และโครงการเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง ลดอุบัติเหตุในการขนส่ง ได้แก่ มิติระบบราง จะเร่งลงทุนก่อสร้างรถไฟทางคู่ และรถไฟความเร็วสูง ตามกรอบระยะเวลาการดำเนินงาน (Timeline) ดังนี้ เร่งลงทุนก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 (.. 2565 – 2569) จำนวน 7 เส้นทาง ระยะทาง 1,479 กิโลเมตร (กม.) และเร่งรัดการก่อสร้างรถไฟสายใหม่ เด่นชัยเชียงรายเชียงของ และบ้านไผ่ - มุกดาหารนครพนม ให้แล้วเสร็จตามแผน

 

ขณะเดียวกัน จากนโยบาย Visa Free ของรัฐบาล คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศไทยจำนวนมากนั้น ดังนั้นกระทรวงคมนาคมจึงให้ความสำคัญกับการพัฒนา Gateway ทางอากาศ โดยมีโครงการ Quick Win ในด้านการพัฒนาปรับปรุงอาคาร ท่าอากาศยาน ให้มีความสะอาด ปลอดภัย สร้างความสะดวก ให้กับนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ จะมีการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพอาคารผู้โดยสาร และทางวิ่ง (Runway) ให้สอดคล้องกับปริมาณผู้โดยสารที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต โดยกระทรวงคมนาคมมุ่งเน้นเพิ่มขีดความสามารถทางด้านอากาศ เพื่อให้ประเทศไทยเป็น Aviation Hub