วันเสาร์ ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2568 03:21 น.

เศรษฐกิจ

กทท.MOU ซีเอชอีซี จ้างงานแหลมฉบังเฟส3 ส่วนที่2 มั่นใจเสร็จทันกำหนด

วันพุธ ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2567, 17.14 น.

กทท.MOU ซีเอชอีซี จ้างงานแหลมฉบังเฟส3 ส่วนที่2 มั่นใจเสร็จทันกำหนด

 

นางมนพร  เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยระหว่างเป็นประธานสักขีพยานการลงนามในสัญญาจ้างก่อสร้างโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ส่วนที่ 2 งานก่อสร้างอาคาร ท่าเทียบเรือ ระบบถนน และระบบสาธารณูปโภค ระหว่างการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) และบริษัท ซีเอชอีซี (ไทย) จำกัด ว่ากทท. ได้ลงนามสัญญาในโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ส่วนที่ 2 ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชนที่รัฐบาลให้ความสำคัญตามแผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) จึงถือเป็นความคืบหน้า ที่ดีในการผลักดันให้ท่าเรือแหลมฉบังเป็นประตูการค้าสู่การลงทุนในภูมิภาคเอเชีย พร้อมรองรับปริมาณตู้สินค้าที่เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจในอนาคต โดยจะเป็นการเริ่มงานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค โครงข่ายและระบบการขนส่ง ต่อยอดจากการดำเนินงานส่วนที่ 1 ซึ่งเป็นงานก่อสร้างทางทะเลที่อยู่ระหว่างเร่งรัดให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนด

 

 นอกจากนี้ ได้กำชับให้ กทท. กำกับ ควบคุม และดูแลการดำเนินงานในส่วนที่ 2 นี้ ให้สำเร็จตามกรอบเวลา เพื่อให้มีความพร้อมในการส่งมอบพื้นที่ได้ในเดือนพฤศจิกายน 2568 และสามารถเปิดให้บริการท่าเรือ F ได้ภายในสิ้นปี 2570 ซึ่งจะส่งผลให้ท่าเรือแหลมฉบังสามารถรองรับตู้สินค้าได้เพิ่มขึ้นอีก 4 ล้านทีอียูต่อปี รวมเป็น 15 ล้านทีอียูต่อปี จากเดิมที่ระยะที่ 1 และ 2 สามารถรองรับได้ 11 ล้านทีอียูต่อปี 

 

 

ด้านนายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการ  การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) กล่าวว่า โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ส่วนที่ 2นั้น เป็นในส่วนของงานโยธา ท่าเทียบเรือและสาธารณูปโภควงเงิน7,298ล้านบาท โดยจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในกำหนด 1,260 วัน นับถัดจากวันที่ได้รับหนังสือแจ้งจาก กทท. ให้เริ่มงาน โดยมั่นใจว่าจะแล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนด 

 

 “โครงการท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 สัญญา 2 เป็นอีกหนึ่งสัญญาที่งานค่อนข้างยาก และใช้ระยะเวลาดำเนินการนานถึง 1,260 วัน หรือกว่า 3 ปีแล้วเสร็จ การท่าเรือฯ จึงมีนโยบายจะเร่งรัดผู้รับเหมาให้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จก่อนสัญญากำหนด โดยคาดว่าภายในเดือน ส.ค.นี้ น่าจะออกหนังสืออนุญาตเข้าพื้นที่ (NTP) หลังจากนั้นเอกชนจะสำรวจพื้นที่ก่อนเริ่มงานก่อสร้างภายในเดือนต.ค.2567”นายเกรียงไกร กล่าว

 

 

สำหรับโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 มีการแบ่งงานก่อสร้างหลักภายใต้ความรับผิดชอบของ กทท. ออกเป็น 4 ส่วน ประกอบด้วย ส่วนที่ 1 งานก่อสร้างงานทางทะเล ดำเนินงานโดยกิจการร่วมค้า CNNC ซึ่งขณะนี้งานถมทะเลในภาพรวมมีความคืบหน้า 37% ส่วนที่ 2 งานก่อสร้างอาคารท่าเทียบเรือ ระบบถนน และระบบสาธารณูปโภคที่ได้มีการลงนามในวันนี้ ส่วนที่ 3 งานก่อสร้างระบบรถไฟ และส่วนที่ 4 งานจัดหาเครื่องมือ พร้อมจัดหาและติดตั้งระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยงานส่วนที่ 3 และ 4 อยู่ระหว่างการจัดทำร่างเอกสารประกวดราคา (TOR) คาดว่าจะสามารถประกาศประกวดราคาได้ภายในต้นปี 2568

 

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ขณะนี้ยังถือว่าอยู่ในแผนกำหนด กทท.มั่นใจว่าจะส่งมอบพื้นที่ให้กลุ่ม GPC ตามสัญญา โดยปัจจุบันจะเร่งรัดแผนงานส่วนของสัญญาที่ 1 และสัญญาที่ 2 ซึ่งเป็นงานฐานรากของโครงการให้เสร็จก่อนกำหนด หลังจากนั้นงานสัญญาที่ 3 และสัญญาที่ 4 จะเป็นงานที่ไม่ใช้เวลาดำเนินการมาก จึงมั่นใจว่าท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ส่วนของท่าเรือ F จะเปิดให้บริการได้ราวเดือน ธ.ค.2570 - ม.ค.2571 เพิ่มขีดความสามารถในการรองรับตู้สินค้าจาก 11 ล้าน TEUต่อปี เป็น 18ล้านTEUต่อปี

 

ขณะเดียวกัน Mr. Jiang Houliang กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคบริษัท China Harbour Engineering Company กล่าวว่า บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในงานก่อสร้างท่าเรือทั่วโลก รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ในประเทศไทยมาอย่างยาวนานด้วยความพร้อมและความเป็นเลิศด้านวิศวกรรมระดับสากล เชื่อมั่นว่าจะสามารถดำเนินการก่อสร้างโครงการฯ ให้เป็นไปอย่างมาตรฐาน และสำเร็จลุล่วงตามกรอบระยะเวลาตามสัญญาที่กำหนดได้อย่างแน่นอน