วันเสาร์ ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 11:16 น.

เศรษฐกิจ

ดัชนีราคาผู้ผลิตของไทย เดือนเมษายน 2568 หดตัวตามการแข่งขันที่สูงขึ้น  และภาวะการค้าโลกที่ไม่แน่นอน

วันศุกร์ ที่ 02 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 10.21 น.

"สนค." เผยราคาผลผลิตภาคเกษตร อุตสาหกรรม และเหมืองเดือนเมษายน 2568 ปรับตัวลดลงตามต้นทุนและอุปสงค์ทั่วโลก ขณะที่แนวโน้มเดือนหน้าอาจยังหดตัวต่อเนื่องจากแรงกดดันด้านราคาสินค้าและค่าเงินบาทแข็งค่า 

เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2568    นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (ผอ.สนค.)  เปิดเผยว่า ภาพรวมดัชนีราคาผู้ผลิตของไทย เดือนเมษายน 2568 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปี 2567 หดตัวจากราคาสินค้าในทุกหมวด โดยราคาสินค้าหมวดผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ที่ยังคงเผชิญกับการแข่งขันที่สูงในตลาดโลก และอุปทานส่วนเกินที่สูง ส่งผลให้ภาพรวมของราคาผู้ผลิตปรับตัวลดลง หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง และผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มีทิศทางเคลื่อนไหวตามราคาวัตถุดิบและต้นทุนการผลิตในภาพรวมที่ลดลง ประกอบกับอุปสงค์ที่ลดลงจากทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศตามภาวะการค้าโลกที่ไม่แน่นอน โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 

ดัชนีราคาผู้ผลิต เดือนเมษายน 2568 เท่ากับ 110.2 เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน 2567 ลดลงร้อยละ 3.2 (YoY) เป็นผลจากการลดลงของราคาสินค้า หมวดผลิตภัณฑ์เกษตรกรรมและการประมง ลดลงร้อยละ 6.5 จากสินค้าสำคัญ ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้า จากฐานราคาของปีก่อนที่สูง ประกอบกับประเทศผู้ส่งออกรายสำคัญยกเลิกมาตรการระงับการส่งออก อ้อย จากฐานราคาของปีก่อนที่สูงจากภาวะแล้ง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จากปริมาณผลผลิตในตลาดโลกที่สูงในปีนี้ ส่งผลให้ราคาลดลง หัวมันสำปะหลังสด จากการส่งออกไปยังประเทศคู่ค้าสำคัญที่ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ตามความต้องการที่ลดลงในอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง ยางพารา จากราคาส่งออกในปีนี้ที่ลดลงตามภาวะการค้าโลกที่ไม่แน่นอน พืชผัก (มะนาว พริก กระเทียม) จากฐานของปีก่อนที่สูงจากภาวะแล้ง และ โคมีชีวิต จากความต้องการบริโภคที่ลดลงต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาหน้าฟาร์มลดลง สำหรับสินค้าที่ราคาปรับสูงขึ้น ประกอบด้วย ข้าวเปลือกเหนียว จากความต้องการบริโภคในประเทศที่สูงขึ้น ผลปาล์มสด จากปริมาณผลผลิตในตลาดโลกที่มีน้อย

ในขณะที่ความต้องการสินค้าเพิ่มจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผลไม้ (ทุเรียน มะพร้าว สับปะรดโรงงาน) จากความต้องการของตลาดต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น สุกรมีชีวิต จากปริมาณผลผลิตในภาพรวมที่ลดลง ในขณะที่ความต้องการบริโภคในปีนี้ปรับตัวดีขึ้น และกุ้งแวนนาไม จากปริมาณผลผลิตที่มีน้อยจากต้นทุนการเพาะเลี้ยงที่สูงขึ้น หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง ลดลงร้อยละ 3.0 จากการลดลงของราคาสินค้าสำคัญ ได้แก่ น้ำมันปิโตรเลียมดิบ และก๊าซธรรมชาติ ซึ่งราคาเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับตลาดโลก สินแร่โลหะ (แร่เหล็ก สังกะสี) จากการชะลอตัวของอุปสงค์ และการแข่งขันในตลาดโลก และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ได้จากการทำเหมือง (ยิปซัม เกลือ) จากอุปสงค์ในประเทศที่ลดลง และหมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ลดลงร้อยละ 2.8 กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม ได้แก่ น้ำมันดีเซล น้ำมันเครื่องบิน น้ำมันเตา น้ำมันก๊าด ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 

เนื่องจากเคลื่อนไหวตามทิศทางราคาตลาดโลก กลุ่มเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมี ได้แก่ เม็ดพลาสติกและพลาสติกขั้นต้น เอทานอล สารพอลิเมอร์และสารเคมีอินทรีย์อื่น ๆ ปุ๋ยเคมี และยางสังเคราะห์ ปรับราคาตามวัตถุดิบที่ลดลง กลุ่มโลหะขั้นมูลฐาน ได้แก่ เหล็กแท่ง เหล็กแผ่น ท่อเหล็กกล้า เหล็กเส้น เหล็กฉาก เหล็กรูปตัวซี เนื่องจากวัตถุดิบที่ปรับลดลง การแข่งขันและอุปสงค์ที่ชะลอตัว และกลุ่มผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ และอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ อุปกรณ์กึ่งตัวนำและวงจรรวม Integrated Circuit (IC) อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล และอุปกรณ์รับข้อมูล/แสดงผล ปรับตามอุปสงค์ที่ชะลอตัวลง ขณะที่มีการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ กลุ่มผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมอื่น ๆ ได้แก่ ทองคำ เคลื่อนไหวตามอุปสงค์ของตลาดโลก 

กลุ่มยานยนต์ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ ได้แก่ รถกระบะ รถบรรทุกขนาดเล็กและรถบรรทุกขนาดใหญ่ ปรับราคาตามต้นทุนวัตถุดิบ กลุ่มอุปกรณ์ไฟฟ้า ได้แก่ สายไฟ สายเคเบิล ซึ่งมีการปรับราคาตามวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น และกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ทำจากแร่อโลหะ ได้แก่ อิฐก่อสร้าง ปูนซีเมนต์ ซีเมนต์ผสม จากปริมาณอุปสงค์การก่อสร้างในประเทศที่เพิ่มขึ้น 

แนวโน้มดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนพฤษภาคมปี 2568 มีแนวโน้มทรงตัว หรืออาจหดตัวเล็กน้อย โดยมีปัจจัยกดดันจาก 1) สินค้าราคาถูกจากต่างประเทศที่มีแนวโน้มเข้ามาเพิ่มขึ้นจากการระบายสินค้าอุปทานส่วนเกินของประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ กดดันราคาสินค้าของผู้ผลิตในประเทศ 2) การแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาดผู้ส่งออกสินค้าเกษตร กดดันราคาผลผลิตทางการเกษตรในภาพรวมต่อเนื่อง 3) ราคาพลังงานที่มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง 4) การแข่งขันด้านราคาของผู้ผลิตสินค้าทุนในประเทศ เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันในห่วงโซ่อุปทาน และ 5) ค่าเงินบาทที่เริ่มกลับมาแข็งค่า กระทบต่อราคาสินค้าที่ผลิตเพื่อการส่งออก ส่วนปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญ ได้แก่ มาตรการช่วยเหลือราคาผลผลิตทางการเกษตรของภาครัฐ อย่างไรก็ตาม มาตรการด้านภาษีของสหรัฐอเมริกาที่ส่งผลกระทบต่อภาคการค้าของไทยรวมถึงประเทศคู่ค้าสำคัญ ยังมีความไม่แน่นอนว่าจะส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตในทิศทางใด ทั้งนี้ จะต้องมีการติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

นายพูนพงษ์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนเมษายน 2568 ปรับตัวลดลงในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์เกิดจากปัจจัยภายนอกเป็นส่วนสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในกลุ่มประเทศผู้ส่งออกรายสำคัญ และคำสั่งซื้อจากตลาดปลายทางที่ลดลงในภาพรวม ทั้งนี้ เห็นว่าควรมีมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมห่วงโซ่การผลิตภายในประเทศ ภายใต้ภาวะการค้าในตลาดโลกมีความผันผวน