เศรษฐกิจ
กองทุนพัฒนา SMEเคาะ2.2พันล.ต่อยอดธุรกิจ
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

กองทุนพัฒนา SMEเคาะ2.2พันล.ต่อยอดธุรกิจ
กองทุนพัฒนา SME ตามแนวประชารัฐ โชว์ผลงานเด็ด อนุมัติสินเชื่อกว่า 2.2 พันล้าน ปั้นโครงการพัฒนาฯ สร้างเม็ดเงินมหาศาล ต่อยอดดันธุรกิจโต
กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ โชว์ผลงานเด็ด ดันยอดอนุมัติสินเชื่อกว่า 2.2 พันล้านบาท ตอบสนองความต้องการเงินทุนของ SME ทุกมิติ ควบคู่กับโครงการพัฒนาศักยภาพที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 350 ล้านบาท พร้อมเปิดรับ SME เข้าร่วมโครงการส่งเสริมพัฒนาอย่างครบวงจร 4 ด้าน ด้วยงบ 20 ล้านบาท มุ่งเป็นกลไกหลักช่วย SME ไทยให้รอดและเติบโตในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน
นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยผลการดำเนินงานโครงการสินเชื่อและการส่งเสริมพัฒนาเอสเอ็มอีของกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ ประจำปี พ.ศ. 2568 โดยระบุว่า ในช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยต้องเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยภายนอก ทั้งแรงกดดันทางการค้าโลก และการชะลอตัวของเศรษฐกิจคู่ค้า ส่งผลให้ World Bank และ IMF ได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปี 2568 ลง
ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบการ SME ไทย ทั้งในด้านต้นทุนที่สูงขึ้น การแข่งขันที่รุนแรง รายได้ที่ลดลง การขาดสภาพคล่อง และปัญหาหนี้เสียที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ SME คือกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย การช่วยเหลือและสนับสนุนให้ SME สามารถเข้าถึงทรัพยากรที่จำเป็น โดยเฉพาะเงินทุน เทคโนโลยี และองค์ความรู้ เป็นสิ่งสำคัญเร่งด่วนที่ภาครัฐต้องดำเนินการเชิงรุก เพื่อป้องกันไม่ให้ภาคส่วนนี้ต้องหยุดชะงักหรือถดถอยอย่างถาวร
กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ เงื่อนไขยืดหยุ่น ควบคู่การให้คำปรึกษาแนะนำในการดำเนินธุรกิจ ผ่านกลไกการทำงานร่วมกับหน่วยงานในแต่ละจังหวัดที่ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ โดยตั้งแต่ปี 2560 ถึงปี 2567 กองทุนได้อนุมัติสินเชื่อรวมกว่า 26,800 ล้านบาท ให้ผู้ประกอบการจำนวนกว่า 18,000 ราย ก่อให้เกิดการลงทุน
การจ้างงาน และสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจได้มากกว่า 80,000 ล้านบาท โดยผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2568 กองทุนได้เปิดตัว 2 โครงการสินเชื่อใหม่ วงเงินรวม 1,900 ล้านบาท คือ (1) โครงการสินเชื่อเพื่อเพิ่ม
ขีดความสามารถธุรกิจ (เสือติดปีก) วงเงิน 1,200 ล้านบาท และ (2) โครงการสินเชื่อเสริมสภาพคล่องธุรกิจ (คงกระพัน) วงเงิน 700 ล้านบาท ซึ่งผู้ประกอบการให้ความสนใจและมีความต้องการด้านสินเชื่อจำนวนมาก กองทุนจึงได้ขยายกรอบวงเงินโครงการสินเชื่อเพื่อเพิ่มขีดความสามารถธุรกิจ (เสือติดปีก) เพิ่มเติมอีก 400 ล้านบาท โดยได้มีการอนุมัติสินเชื่อแล้ว จำนวนกว่า 2,200 ล้านบาท โดยคาดว่าสินเชื่อทั้งสองโครงการนี้จะช่วยต่อทุนและเพิ่มสภาพคล่องให้ SME สร้างเงินทุนหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นกว่า 10,000 ล้านบาท และรักษาการจ้างงานไว้ได้มากกว่า 5,000 อัตรา ทั้งนี้จากความสำเร็จของโครงการและผลตอบรับที่ดี กองทุนจึงมีแผนเปิดตัวสินเชื่อใหม่เพิ่มเติม จำนวน 2 โครงการ ภายในเดือนตุลาคมนี้ โดยสินเชื่อโครงการแรกจะมีเงื่อนไขใกล้เคียงกับโครงการสินเชื่อเพื่อเพิ่มขีดความสามารถธุรกิจ (เสือติดปีก) ในปี 2568 สามารถกู้ได้ทั้งลูกค้าเดิมของกองทุนและลูกค้าใหม่ และอีกหนึ่งโครงการจะเป็นสินเชื่อเติมทุนหนุนธุรกิจ (Top Up) ซึ่งเป็นเงินทุนช่วยเหลือและสนับสนุนลูกหนี้สินเชื่อชั้นดี (บัญชีเกรด A) เพื่อนำไปใช้ในการลงทุน เพิ่มขีดความสามารถ นวัตกรรม ปรับปรุงเทคโนโลยีอุตสาหกรรม และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ กรอบวงเงินกว่า 2,800 ล้านบาท โดยอยู่ระหว่างยื่นของบประมาณในปีงบประมาณ 2569
ทั้งนี้ ในครึ่งหลังของปี 2568 กองทุนยังคงเดินหน้าสานต่อความสำเร็จเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเอสเอ็มอีไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเตรียมพร้อมออกมาตรการพลิกฟื้นธุรกิจ เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาภาระการชำระหนี้ให้กับลูกหนี้สินเชื่อของกองทุน ให้ได้รับการยกเว้นการชำระดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 12 เดือน เพื่อเสริมสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งเป็นการลดแนวโน้มการเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)
นอกเหนือจากมาตรการด้านสินเชื่อ ในปี 2568 กองทุนยังได้ดำเนินโครงการส่งเสริมและพัฒนาเอสเอ็มอี จำนวน 2 โครงการ งบ 10 ล้านบาท ได้แก่ โครงการยกระดับประสิทธิภาพการผลิตอย่างยั่งยืน และโครงการพัฒนาธุรกิจด้วยดิจิทัล ซึ่งมุ่งเน้นการช่วยเอสเอ็มอีให้สามารถปรับปรุงกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการใช้พลังงาน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงสามารถนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในกระบวนการทางธุรกิจเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งประสบความสำเร็จในการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจรวมกว่า 350 ล้านบาท
และกองทุนยังได้ทุ่มงบอีกกว่า 20 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการส่งเสริมและพัฒนาเอสเอ็มอี จำนวน 4 โครงการ ได้แก่
• โครงการเสริมแกร่งการเงิน เพิ่มทุนหนุนธุรกิจ (สุขใจ): เน้น Financial Literacy และการเข้าถึงแหล่งทุน
• โครงการยกระดับธุรกิจเพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน (เปิดใจ): เน้น Digital และ BCG ในอุตสาหกรรมศักยภาพ
• โครงการพัฒนาฮาลาลไทย รับรองได้ ขายส่งออกชัวร์ (มั่นใจ): เน้นมาตรฐานฮาลาลและการขยายตลาดส่งออก
• โครงการพลิกชีวิต ฟื้นธุรกิจ ปรับหนี้ให้อยู่รอด (สู้สุดใจ): มุ่งช่วยเหลือลูกหนี้กองทุนที่ประสบปัญหาหนี้สินให้ฟื้นฟูและกลับมาดำเนินธุรกิจได้
โดยผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ จะได้รับการบ่มเพาะและพัฒนาศักยภาพธุรกิจจากสถาบันเครือข่ายกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ซึ่งจะเริ่มดำเนินการเปิดรับสมัครในช่วงเดือนมิถุนายน 2568
เป็นต้นไป โดยสามารถรองรับผู้สมัครเข้าร่วมได้กว่า 400 กิจการ หรือกว่า 1,000 ราย สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม และสมัครเข้าร่วมโครงการ ได้ที่ https://i.industry.go.th หรือศึกษารายละเอียดได้ที่ www.thaismefund.com หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ สำนักงานกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด หรือธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ทั่วประเทศ
“ผมเชื่อว่าโครงการสินเชื่อและโครงการส่งเสริมและพัฒนา SME ของกองทุน จะเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยยกระดับ SME ไทยให้ปรับตัวและเติบโตอย่างแข็งแกร่ง พร้อมรับมือกับความท้าทายในสภาวะเศรษฐกิจยุคใหม่ และมีส่วนร่วมในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนควบคู่ชุนชนและสิ่งแวดล้อมต่อไป” นายณัฐพล กล่าว
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
หน้าแรก » เศรษฐกิจ
ข่าวในหมวดเศรษฐกิจ ![]()
TEI ร่วมกับ TBCSD และ BEDO ผนึกกำลังร่วมสร้างเครือข่ายภาคธุรกิจเพื่อความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน 21:38 น.
- “มนพร” หนุนบวท.นำเทคโนโลยีดิจิทัล ทาวเวอร์ ใช้งานสนามบินนราธิวาส เบตง สุวรรณภูมิ และดอนเมือง 14:28 น.
- TFBO 2025 ปีที่ 21 จัดเต็มแฟรนไชส์ไทย-เทศกว่า 150 แบรนด์ตอบโจทย์นักลงทุนยุคใหม่ 08:43 น.