วันศุกร์ ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 09.58 น.
จีไอที แนะ3 สิ่งสำคัญต้องรู้ก่อนซื้อ งานหัตถศิลป์ทองคำ

จีไอที (GIT) แนะผู้บริโภคเข้าใจเทคนิคการผลิตงานหัตถศิลป์ทองคำ
เผย “3 สิ่งสำคัญต้องรู้ก่อนซื้อ” เลี่ยงความเข้าใจผิด สร้างความสบายใจในการซื้อ-ขาย
ปัจจุบัน “งานหัตถศิลป์ทองคำ” กลายเป็นของตกแต่งบ้านยอดนิยม ที่ได้รับความนิยมในฐานะของขวัญ ของมงคล หรือของสะสม โดยมักนำเสนอในรูปลักษณ์ที่หรูหรา งดงาม โดยมักนำเสนอในรูปแบบภาพหรือสิ่งที่เป็นมงคลตามความเชื่อที่ได้รับความนิยมตามศาสตร์ต่าง ๆ โดยมักนำเสนอในรูปแบบภาพหรือสิ่งที่เป็นมงคลตามความเชื่อตามศาสตร์ต่าง ๆ ที่ได้รับความนิยม
เพื่อสร้างความรู้เท่าทันและเสริมความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าว สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (GIT)
โดยนายทนง ลีลาวัฒนสุข รองผู้อำนวยการ และ นายจักรพันธ์ สุวรรณวิจิตร หัวหน้าฝ่ายตรวจสอบโลหะมีค่า ได้ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเทคนิคการผลิตภาพหัตถศิลป์ทองคำ และข้อแนะนำสำคัญในการเลือกซื้อสินค้าในกลุ่มนี้ด้วยความเข้าใจ
สำหรับเทคนิคในการผลิตงานหัตถศิลป์ทองคำนั้น นายจักรพันธ์ สุวรรณวิจิตร หัวหน้าฝ่ายตรวจสอบโลหะมีค่า สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ อธิบายว่า ผลิตภัณฑ์หัตถศิลป์ทองคำนั้น เกิดจากการใช้เทคนิคการผลิตที่เรียกว่า PVD: Physical Vapor Deposition (พีวีดี) และ Electroforming (อิเล็คโทรฟอร์มมิ่ง) โดยมีรายละเอียดดังนี้
ผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคนิค PVD คือการทำเทคโนโลยีฟิล์มบางลงบนวัสดุที่ไม่นำไฟฟ้าเช่น ภาพงานหัตถศิลป์ตกแต่งบ้านด้วยหลักการ
ใช้สารเคลือบ (ทองคำ 99.99%) หรือโลหะอื่น ๆ ที่ทดแทนโลหะมีค่าได้
นำมาระเหยด้วยกระแสไฟฟ้าและผสมกับแก๊สที่สภาวะที่เหมาะสม
ทำให้เกิดเป็นสารประกอบเพื่อสามารถยึดเกาะชิ้นงาน
ระเหยเคลือบลงบนพื้นผิวชิ้นงาน
ความหนาที่ยึดเกาะประมาณ 0.1-0.2 ไมครอน
หากนำมาหลอมจะไม่เห็นด้วยตาเปล่าเพราะมีปริมาณทองน้อยมากเมื่อเทียบกับชิ้นงานที่นำมาหลอม
ผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคนิค Electroforming คือการฟอร์มตัวเครื่องประดับ โดยข้างในชิ้นงานจะมีลักษณะกลวงและน้ำหนักเบา เช่นตุ๊กตาปี่เซี๊ยะ ด้วยหลักการ
นำแวกซ์มาขึ้นเป็นรูป
เคลือบด้วยแลคเกอร์ของโลหะเงินหรือทองแดงเพื่อให้นำไฟฟ้า
เจาะรูเพื่อต้มด้วยใช้ความร้อนนำแวซ์ออก
นำไปชุบด้วยทองคำ 99.99%
ความหนาที่ยึดเกาะประมาณ 0.1-0.2 มิลลิเมตร
หากนำมาหลอมจะเหลือทองให้เห็นมีปริมาณใกล้เคียงตามน้ำหนักของชิ้นงาน
โดยผลิตภัณฑ์ที่ขึ้นรูปด้วย PVD หรือ Electroforming นั้นส่วนใหญ่จะวิเคราะห์เปอร์เซ็นต์ด้วยวิธี XRF (X-ray Fluorescence) ซึ่งสามารถใช้วิเคราะห์ได้ทั้งชนิดและปริมาณของธาตุ แต่ข้อจำกัดของเทคนิคนี้คือสามารถวิเคราะห์โลหะบนพื้นผิวชิ้นงานได้ไม่เกิน 15 ไมครอน (สำหรับทองคำ) โดยสถาบันฯ มีการตรวจวิเคราะห์อ้างอิงตามมาตรฐาน ISO/IEC17025 และ GIT Standard อย่างครบถ้วนและได้ผลถูกต้องทุกประการตามข้อจำกัดของเทคนิคและผลิตภัณฑ์ที่ระบุไว้ ซึ่งหากนำมาตรวจด้วยเทคนิค XRF แล้วพบว่าได้ 99.99% นั้นก็เนื่องจากเป็นความบริสุทธิ์ของทองคำที่วิเคราะห์จากผิวชิ้นงานจากการทำ PVD ซึ่งเป็นความบริสุทธิ์ของทองคำที่เคลือบไว้นั่นเอง แต่จะมีปริมาณทองคำน้อยและบางมาก ต่างจากกรณีการทำ Electroforming ซึ่งเป็นการขึ้นรูปด้วยทองคำ 99.99% น้ำหนักของชิ้นงานที่ได้ก็คือน้ำหนักของทองคำนั่นเอง
“งานที่ใช้เทคนิค PVD ด้วยทองคำ 99.99% นั้น ต้องใช้เทคโนโลยีและเทคนิคในการแปรรูปทองคำให้อยู่ในอนุภาคเล็กเพื่อให้สามารถพ่นเคลือบลงไปในวัสดุรูปต่าง ๆ ได้ จึงมีต้นทุนในการผลิต เช่นเดียวกันหากจะนำชิ้นงานมาแปรรูปกลับไปเป็นทองคำเช่นเดิมก็ต้องผ่านกระบวนการต่างๆ ที่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ซึ่งอาจจะต้องพิจารณาด้วยว่าคุ้มค่ากับมูลค่าทองคำที่จะได้กลับมาหรือไม่ ดังนั้น ผู้บริโภคควรตั้งคำถามก่อนว่า เราซื้อสินค้าประเภทนี้เพราะอะไร เป็นของขวัญตกแต่งบ้านใช่หรือไม่ หากซื้อเพื่อการสะสมหรือการลงทุน นอกจากต้องขอใบรับรองและตรวจสอบวัสดุให้ชัดเจนแล้ว อาจพิจารณาการลงทุนด้วยด้วยผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่นทองคำแท่ง หรือทองคำรูปพรรณ เป็นต้น” นายจักรพันธ์ สุวรรณวิจิตร กล่าว

ด้าน นายทนง ลีลาวัฒนสุข รองผู้อำนวยการ สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ กล่าวว่าในฐานะสถาบันวิจัยชั้นนำของประเทศ GIT มีบทบาทสำคัญในการตรวจสอบและรับรองความถูกต้องของวัสดุที่ใช้ในอัญมณีและเครื่องประดับ รวมถึงโลหะมีค่า ด้วยเครื่องมือมาตรฐานระดับสากล ผู้บริโภคสามารถนำสินค้ามาวิเคราะห์องค์ประกอบเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ หรือขอคำปรึกษาเรื่องการซื้อขายทองคำในเชิงวิชาการ
“ภาพหัตถศิลป์ทองคำ” เป็นงานศิลปะที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรม แต่ในเชิงพาณิชย์ ผู้บริโภคจำเป็นต้องรู้เท่าทันข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อให้สามารถเลือกซื้อได้ตรงตามความต้องการ โดย GIT พร้อมเป็นหน่วยงานกลางในการให้ความรู้และวิเคราะห์องค์ประกอบทางวัสดุ เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคและเสริมสร้างความโปร่งใสในตลาดอัญมณีและเครื่องประดับไทย” นายทนง ลีลาวัฒนสุข กล่าวเสริม พร้อมแนะนำหลักง่าย ๆ ในการเลือกซื้อภาพหัตถศิลป์ทองคำ ว่าควรพิจารณา 3 ประเด็นสำคัญ ดังนี้:
1.เข้าใจกลุ่มผลิตภัณฑ์ และมีวัตถุประสงค์ในการซื้อที่ชัดเจน
พิจารณากลุ่มสินค้าที่ต้องการซื้อว่าเป็นประเภทใด เช่น หากต้องการซื้อเพื่อการสะสมหรือลงทุน ควรซื้อทองคำแท่ง หรือทองรูปพรรณ พร้อมใบรับรอง แต่หากเป็นสินค้าเพื่อวัตถุประสงค์อื่น เช่น ตกแต่งบ้าน สินค้าตามความเชื่อ ควรจะสอบถามถึงวัสดุในการผลิตสินค้า พร้อมพิจารณาราคาซื้อขายที่พอใจทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย เป็นต้น
2.ผู้ผลิตและแหล่งที่ซื้อ
ผู้ผลิตมีความน่าเชื่อถือ มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิตที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล
และ3. การขอใบรับรอง และข้อมูลวัสดุอย่างละเอียด
ผู้ซื้อควรถามหาข้อมูลเกี่ยวกับวัสดุที่ใช้ เช่น ความบริสุทธิ์ของทองคำ น้ำหนักทอง เทคนิค และกระบวนการการผลิตให้เกิดความชัดเจน จนเกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง
หากเป็นทองคำแท้ ควรสามารถตรวจสอบและวิเคราะห์ด้วยวิธีที่ถูกต้องจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือได้ เช่น GIT และควรมีใบรับรองผลิตภัณฑ์
หรือมองหาสัญลักษณ์และใบรับรองภายใต้โครงการซื้อด้วยความมั่นใจ Buy with confidence (BWC)
คำว่า “เคลือบทอง” หรือ “ทองพ่น” ล้วนมีความหมายที่แตกต่างจาก “ทองคำแท้เพื่อการลงทุน” เพราะแม้วัสดุที่ใช้ในการเคลือบชิ้นงานจะเป็นทองคำ 99.99% แต่มีความหนาเพียง 0.1-0.2 ไมครอนทำให้มีปริมาณทองน้อยมาก
ควรพิจารณาคำอธิบาย และสอบถามข้อมูลจากผู้ขายอย่างละเอียด