เศรษฐกิจ
WHAID ขายที่ดินให้ “Beijing Haoyang” สร้าง Data Center ระดับไฮเปอร์สเกล
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

WHAID ขายที่ดินให้ “Beijing Haoyang” สร้าง Data Center ระดับไฮเปอร์สเกล
WHAID ขายที่ดินกับ “Beijing Haoyang” สร้าง Data Center ระดับไฮเปอร์สเกล มูลค่า 72,670 ล้านบาท ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ตอกย้ำความเป็นผู้นำของไทยในด้านเทคโนโลยีดิจิทัล
บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAID ผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมอันดับ 1 ของประเทศไทย ประกาศบรรลุข้อตกลงการขายที่ดินครั้งสำคัญกับบริษัท ฮ่าวหยาง ดาต้า เซ็นเตอร์ 1 (ประเทศไทย) จำกัด (Haoyang Data Center 1 (Thailand) Limited) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มของบริษัท Beijing Haoyang Cloud & Data Technology Co., Ltd. ผู้ให้บริการ Data Center ระดับไฮเปอร์สเกลระดับชั้นนำจากประเทศจีน โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 2.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 72,670 ล้านบาท) เพื่อสร้าง Data Center ระดับไฮเปอร์สเกล ขนาดกำลังไฟฟ้า 300 เมกะวัตต์ ภายในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์น ซีบอร์ด 4 (WHA ESIE 4) ซึ่งคาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ภายในปี 2569 และมีการวางแผนการใช้พลังงานหมุนเวียนใน Data Center แห่งนี้อีกด้วย
การลงนามในข้อตกลงฉบับนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่อุตสาหกรรมดาต้าเซนเตอร์ทั่วโลกกำลังเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยมีแรงผลักดันจากความต้องการด้านการประมวลผล AI ที่เพิ่มขึ้น ความสำคัญของ เอดจ์คอมพิวติ้ง (Edge Computing) และการที่ความยั่งยืนเป็นเรื่องสำคัญ
Edge Computing หรือเทคโนโลยีการประมวลผลข้อมูลจากศูนย์กลางเป็นเทรนด์สำคัญ เพราะการประมวลผลข้อมูลใกล้กับจุดใช้งานข้อมูลจะช่วยลดความหน่วงเวลา ประหยัดแบนด์วิดท์ และเพิ่มความน่าเชื่อถือ เหมาะกับแอปพลิเคชันที่ต้องการตอบสนองแบบเรียลไทม์ เช่น ยานยนต์อัตโนมัติ โรงงานอัจฉริยะ และการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์
นายไล่ หนิงหนิง (Mr. Lai Ning Ning) ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮ่าวหยาง ดาต้า เซ็นเตอร์ 1 (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ความต้องการเรื่องการประมวลผลจากทั่วโลกที่เพิ่มสูงขึ้นเนื่องมาจากความก้าวหน้าของ AI บริษัท ฮ่าวหยาง ดาต้า มีความยินดีที่จะนำประสบการณ์จากประเทศจีนเข้าสู่ประเทศไทย การลงทุนเชิงกลยุทธ์ในศูนย์ข้อมูลระดับไฮเปอร์สเกลขนาด 300 เมกะวัตต์ที่จังหวัดระยองครั้งนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของพวกเราในการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่กำลังเติบโตของไทย
"เชื่อว่าโครงการนี้ นอกจากจะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์องค์กรสู่ระดับโลกแล้ว ยังเป็นการสนับสนุนการพัฒนาให้ประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางดิจิทัลของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และส่งเสริมให้ธุรกิจจีนขยายสู่ต่างประเทศมากยิ่งขึ้น”
นอกจากนี้ อุตสาหกรรมดาต้าเซนเตอร์ยังขยายตัวสู่ภูมิภาคใหม่ ๆ เช่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลาง ละตินอเมริกา และแอฟริกา สร้างให้เกิดโอกาสการเติบโต โดยมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีระบบระบายความร้อนแบบใหม่ เช่น การระบายความร้อนโดยตรงที่ชิป (Direct-to-Chip Cooling) และการระบายความร้อนด้วยของเหลว (Immersion Cooling) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
บริษัท ฮ่าวหยาง ดาต้า เซ็นเตอร์ 1 (ประเทศไทย) จำกัด ถือเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมศูนย์ข้อมูลของจีนที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเป็นที่รู้จักจากมาตรฐานสูงในการดำเนินงาน มุ่งเน้นการให้บริการแบบครบวงจร ควบคู่กับการพัฒนาอย่างยั่งยืน และเน้นกลยุทธ์ลดการปล่อยคาร์บอน เพื่อสนับสนุนนโยบาย “Carbon Peaking and Carbon Neutralization” ของประเทศจีน ปัจจุบันบริษัทดำเนินศูนย์ข้อมูลหลัก 5 แห่งในเมืองเศรษฐกิจสำคัญของจีน ได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว มาเก๊าและเซินเจิ้น การเลือกประเทศไทยเป็นตลาดต่างประเทศแห่งแรกสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของไทยในฐานะศูนย์กลางดิจิทัลระดับภูมิภาค และความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน
ดาต้าเซนเตอร์ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล และประเทศไทยได้กลายเป็นหนึ่งในเป้าหมายการลงทุนสำคัญของอุตสาหกรรมนี้ อย่างไรก็ตาม การลงทุนดังกล่าวก็มาพร้อมกับความท้าทายที่ประเทศเจ้าบ้านต้องเผชิญ ไทยจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมทั้งในด้านดึงดูดนักลงทุนและการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่
นายปจงวิช พงษ์ศิวาภัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (WHAID) กล่าวว่า “WHAID ตระหนักถึงความท้าทายในการพัฒนาและลงทุนศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ เราได้พัฒนาเทคโนโลยีและศักยภาพอย่างต่อเนื่องเพื่อมอบโซลูชันแบบครบวงจรที่ทันสมัย โดยมุ่งเน้นการให้บริการโครงสร้างพื้นฐานที่มีความน่าเชื่อถือสูง ตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนทั่วโลก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งต้องการความมั่นคงของพลังงาน สัญญาณการสื่อสาร และการจัดหาแหล่งน้ำ ทั้งนี้ WHA Group มีความพร้อมรองรับความต้องการดังกล่าวอย่างครบถ้วน ภายใต้การบริหารงานของบริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (WHAUP) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการสาธารณูปโภคและพลังงานครบวงจร เพื่อรองรับการดำเนินงานของศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ในทุกมิติ”
WHAID กับแนวคิดนิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Smart Eco Industrial Estate)
• สนับสนุนภาครัฐ: WHAID พัฒนานิคมอุตสาหกรรมให้สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงและ AI ของรัฐบาลไทย โดยใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ส่งเสริม R&D และการพัฒนาบุคลากรที่มีทักษะ
• มุ่งสู่การเป็น Smart Eco Industrial Estate: นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์น ซีบอร์ด 4 (WHA ESIE 4) ได้รับการออกแบบให้เป็นนิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะและยั่งยืน โดยเน้นการใช้พลังงานสะอาด ระบบหมุนเวียนน้ำ และระบบสื่อสารความเร็วสูง พร้อมด้วยเทคโนโลยีลดการปล่อยคาร์บอน เช่น ไฟถนนพลังงานแสงอาทิตย์ และเทคโนโลยีลดการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นต์
• ทำเลและโครงสร้างพื้นฐาน: ตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) WHA ESIE 4 มีทำเลที่ได้เปรียบ พร้อมเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมและสาธารณูปโภค
• พัฒนาชุมชน: WHAID มุ่งเน้นสร้างสภาพแวดล้อมที่สมดุล ยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงานและผู้ประกอบการ ให้มีความปลอดภัย สะดวก และมีความสุขในการอยู่อาศัย
ความร่วมมือระยะยาวระหว่าง WHAID และ Haoyang Data สะท้อนถึงความพร้อมของประเทศไทยในการก้าวสู่อนาคตของเทคโนโลยีและการลงทุนด้าน AI ด้วยความมุ่งมั่นในด้านความยั่งยืน ทำเลที่ตั้งยุทธศาสตร์ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และนโยบายภาครัฐที่เอื้อต่อการลงทุนเพื่อให้ประเทศไทยมีศักยภาพสูงในการเป็นศูนย์กลางดิจิทัลของภูมิภาค การลงทุนครั้งนี้ไม่เพียงสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจและการจ้างงาน แต่ยังตอกย้ำจุดยืนของไทยในการขับเคลื่อนระบบนิเวศดิจิทัลที่ยั่งยืนในระยะยาว ตามพันธกิจ WHA : WE SHAPE THE FUTURE ของ WHA Group ที่มุ่งมั่นเป็นผู้นำในการสร้างสรรค์อนาคต ผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัยและยั่งยืน การร่วมมือครั้งนี้จึงเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ดังกล่าว โดยนำเทคโนโลยี AI มาสร้างโอกาสใหม่และเปิดทางสู่การเติบโตที่ครอบคลุมทุกมิติ
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่