วันจันทร์ ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 21.09 น.
บอร์ด AOT ตั้งคณะทำงานหาทางออก ดิวตี้ฟรีคิงเพาเวอร์
น.ส.ปวีณา จริยฐิติพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง) รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ AOT ที่มีนายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวง เป็นประธาน ได้เร่งรัดให้ AOT แต่งตั้งคณะทำงานพิจารณากลั่นกรองทางเลือกในการแก้ไขปัญหาการประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานที่อยู่ในความรับผิดชอบของ AOT และจ้างที่ปรึกษาจากสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ เพื่อศึกษาทางเลือกในการแก้ไขปัญหาการประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากรในท่าอากาศยานที่อยู่ในความรับผิดชอบของ AOT โดยเร็ว
ทั้งนี้ ที่ปรึกษาจะศึกษาประเด็นด้านกฎหมาย เศรษฐศาสตร์ การเงิน และการบริหารธุรกิจ เพื่อวิเคราะห์ข้อจำกัดของสัญญาเดิม รวมถึงเสนอแนวทางที่เหมาะสมและเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ให้ได้ข้อสรุปภายใน 60 วัน ก่อนเสนอต่อคณะกรรมการ AOT เพื่อพิจารณาต่อไป หลังจากที่คิงเพาเวอร์ได้นำส่งหนังสือมายัง AOT ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2568 เพื่อขอหารือแนวทางยกเลิกสัญญาอนุญาตให้ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร (ดิวตี้ฟรี) 3 สัญญา คือ 1.สัญญาอนุญาตให้ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าดิวตี้ฟรี ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต เชียงใหม่ และหาดใหญ่
2.สัญญาอนุญาตให้ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าดิวตี้ฟรีท่าอากาศยานดอนเมือง และ 3.สัญญาอนุญาตให้ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าดิวตี้ฟรี ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยรายได้รวมจากคิงเพาเวอร์มีสัดส่วนที่ 17% ของรายได้รวมของ AOT ซึ่งในปี 2567 AOT มีรายได้รวมที่ 67,827.79 ล้านบาท
สำหรับคณะทำงานพิจารณากลั่นกรองทางเลือกฯ นั้น จะมีนายศิโรตม์ ดวงรัตน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานพัฒนาธุรกิจและการตลาด) เป็นประธาน ส่วนการจัดหาที่ปรึกษานั้น AOT จะจัดหามาอย่างน้อย 2 ราย ด้วยวิธีการจัดซื้อจัดจ้างของ AOT โดยคาดว่าจะได้ผู้รับงานภายใน 2 สัปดาห์จากนี้ ซึ่งจะเป็นสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาชั้นนำของรัฐ เพื่อมาทำหน้าที่ศึกษาวิเคราะห์ทางเลือกแก่ AOT พร้อมระบุข้อดีข้อเสียใน 3 แนวทาง คือ 1.เจรจาปรับแก้สัญญา 2.คงสัญญาเดิม และ 3.ยกเลิกสัญญา และเปิดประกวดราคาใหม่ โดย AOT จะเริ่มที่การเจรจาก่อน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคิงเพาเวอร์ส่งหนังสือมาขอเจรจา โดยระบุเหตุผลว่าที่ผ่านมา AOT พิจารณาและดำเนินการตามที่ AOT เห็นสมควรเพียงลำพังและเป็นประโยชน์แก่ AOT เพียงฝ่ายเดียว โดยมิได้หารือ KPD เพื่อหาแนวทางเก้ไขที่เหมาะสมต่อทั้ง 2 ฝ่าย หรือมิได้คำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับคิงเพาเวอร์ที่มีมากกว่าผลกระทบด้านค่าตอบแทน รวมถึงความไม่มั่นใจในการให้ความเป็นธรรมต่อคู่สัญญาของ AOT
ขณะเดียวกันช่วงบ่ายวันนี้ (17 มิ.ย.68) AOT ได้นัดหารือกับผู้บริหารกลุ่มบริษัทคิงเพาเวอร์ เนื่องจากที่ผ่านมา AOT สื่อสารกับคิงเพาเวอร์ผ่านหนังสือเท่านั้น จึงอยากให้มีการหารือเพื่อชี้แจงการตีความในหนังสือให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน ซึ่งคิงเพาเวอร์ได้ตอบรับการนัดหารือแล้ว
ส่วนกรณีที่คิงเพาเวอร์ระบุในหนังสือว่าเพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อคิงเพาเวอร์ในระหว่างการพิจารณาของ AOT ทางคิงเพาเวอร์ขอนำส่งค่าตอบแทนตามสัญญาประมูลในอัตรา 20% ของยอดจำหน่ายสินค้าปลอดอากรในแต่ละเดือน ซึ่งภายหลังสิ้นเดือน เมื่อทราบยอดจำหน่ายคิงเพาเวอร์จะคำนวณค่าตอบแทนในอัตรา 20% และชำระค่าตอบแทนดังกล่าวภายในวันสุดท้ายของเดือนถัดไปนั้น ยืนยันว่าในระหว่างนี้จนกว่าการแก้ปัญหาระหว่างกันจะได้ข้อยุติ คิงเพาเวอร์จะต้องชำระค่าตอบแทนแก่ AOT ตามสัญญาเดิม ไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามที่คิงเพาเวอร์ระบุมาดังกล่าวเนื่องจากอยู่นอกเหนืออำนาจการพิจารณาตัดสินใจของรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่
โดยปัจจุบันคิงเพาเวอร์ยังคงชำระค่าตอบแทนแก่ AOT อยู่ ในรูปแบบผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำ (Minimum Guarantee) เพราะสูงกว่าส่วนแบ่งรายได้ (Revenue Sharing) ที่คิงเพาเวอร์ต้องแบ่งให้ AOT ในอัตรา 20% ของยอดขาย ส่วนค่าตอบแทนที่คิงเพาเวอร์ค้างชำระอยู่นั้น ยังไม่เกินวงเงินค้ำประกัน (Bank Guarantee) ที่คิงเพาเวอร์วางไว้เป็นหลัก ประกันตามหลักเกณฑ์ในสัญญาซึ่งถือเป็นหลักประกันทางการเงินของคู่สัญญาในกรณีเกิดเหตุไม่คาดคิด
น.ส.ปวีณา กล่าวถึงจำนวนผู้โดยสารรวม 6 ท่าอากาศยาน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567-เมษายน 2568 ว่ามีจำนวนรวม 79.12 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 10.6% แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 48.71 ล้านคน เพิ่มขึ้น 12.9% และผู้โดยสารในประเทศ 26.08 ล้านคน เพิ่มขึ้น 7.1% มีเที่ยวบินรวม 481,000 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 12.1% ขณะที่ในปี 2568 AOT ตั้งเป้าผู้โดยสารไว้ที่ 129.9 ล้านคน ซึ่งเหลือเวลาอีกประมาณ 3 เดือนจะหมดปีงบประมาณแล้ว จึงมีความเป็นไปได้ว่าจำนวนผู้โดยสารอาจไม่เป็นไปตามที่คาดหวังและอาจต้องปรับเป้าผู้โดยสารใหม่