วันอาทิตย์ ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 16:03 น.

เศรษฐกิจ

ธพ.เปิดโครงการติดปีกธุรกิจพลังงานไทย 

วันศุกร์ ที่ 04 กรกฎาคม พ.ศ. 2568, 15.49 น.

ธพ.เปิดโครงการติดปีกธุรกิจพลังงานไทย 

 


ธพ.เดินหน้าชี้แจงผู้ประกอบการและเจ้าหน้าที่สำนักงานพลังงานจังหวัดทั่วประเทศ พัฒนาการให้บริการด้วยระบบ e-Service ช่วยลดระยะเวลาในการขอใบอนุญาตและตรวจสอบขั้นตอนได้รวดเร็วขึ้น สู่ยุค Energy Transition และDigital Transformation อย่างยั่งยืน 

 

 

นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.) เปิดเผยภายหลังเปิด “โครงการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ด้านการกำกับดูแลธุรกิจพลังงานให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย” โดยมุ่งเน้นให้ผู้ประกอบการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรับทราบเกี่ยวกับการดำเนินงานต่างๆ ของกรมฯ ที่จะปรับเปลี่ยนมาใช้ระบบการให้บริการผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) เพื่อลดระยะเวลาในการขอใบอนุญาตต่างๆ และเกิดความโปร่งใส่ ตรวจสอบได้อย่างรวดเร็ว

 


โดยแต่ละปีจะมีผู้ประกอบการที่ต้องติดต่อกับกรมฯ จำนวนมาก ซึ่งปัจจุบันมีผู้มาขอใบอนุญาตกิจการควบคุม รวมถึงใบจดแจ้งต่างๆ รวมประมาณ 7-8 หมื่นใบต่อปี และมีผู้ค้ารายย่อยที่ต้องติดต่อกับกรมฯ ประมาณ 25,000 ราย รวมถึงกลุมรถขนส่งอีกประมาณ 2,000-3,000 ราย  ซึ่งปกติกระบวนการขอใบอนุญาตจะใช้เวลาประมาณ 30-60 วัน แต่เมื่อมีระบบอิเล็กทรอนิกส์มาช่วยจะทำให้การจดแจ้งต่างๆ เร็วขึ้น 7-15 วัน ซึ่งผู้ประกอบการสามารถยื่นเอกสารทางออนไลน์และสามารถตรวจสอบได้ว่ากรมฯ ดำเนินงานไปถึงขั้นตอนใด เป็นต้น 

 

นายสราวุธ กล่าวว่า กรมธุรกิจพลังงาน จะเดินหน้าลงพื้นที่จัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ใน 18 กลุ่มจังหวัดทั่วประเทศ ครอบคลุมทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค. – 30 ก.ย. 2568  โดยภารกิจสำคัญในแต่ละพื้นที่คือ การถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายที่มีการออกหรือปรับปรุงใหม่ การแนะนำระบบการให้บริการผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการ และการสร้างความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับการประกอบกิจการธุรกิจพลังงาน ในบริบทปัจจุบัน 

 

ทั้งนี้ โครงการฯ ยังเปิดพื้นที่สำหรับรับฟังข้อคิดเห็นและปัญหาอุปสรรคจากผู้ประกอบการและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นมาปรับปรุงนโยบายและแนวทางการปฏิบัติงานของกรมธุรกิจพลังงานให้ตอบสนองความต้องการของผู้มีส่วนได้  ส่วนเสียอย่างแท้จริง ที่สำคัญคือการก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงภายใต้บริบทของการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) และการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital Transformation)

 

“ภาคธุรกิจพลังงานคือกลไกสำคัญ ของเศรษฐกิจประเทศ การกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และเข้าใจง่าย พร้อมกับการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาเสริมกระบวนการให้บริการ รวมถึงการสื่อสารและสร้างความเข้าใจ นับเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการ และสนับสนุนเป้าหมายการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานที่ยั่งยืนของประเทศ กรมธุรกิจพลังงาน จึงขอเชิญชวนผู้เกี่ยวข้องร่วมติดตามกิจกรรมตลอดโครงการ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันการกำกับดูแล  การประกอบกิจการธุรกิจพลังงานของไทยให้มีความทันสมัย โปร่งใส เป็นธรรม และยั่งยืนเพื่ออนาคตของประเทศ” นายสราวุธ กล่าว