เศรษฐกิจ
3 การไฟฟ้า บูรณาการเพิ่มขีดความสามารถพลังงานไทยทุกมิติ
วันพุธ ที่ 09 กรกฎาคม พ.ศ. 2568, 16.20 น.
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

3 การไฟฟ้า บูรณาการเพิ่มขีดความสามารถพลังงานไทยทุกมิติ
EGAT MEA และ PEA รวมพลังสร้างความมั่นคงทางพลั งงาน จัดประชุมคณะกรรมการปรับปรุ งความเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้า ครั้งที่ 54 โดยมีผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญ 3 หน่วยงานร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ แบ่งปันประสบการณ์การทำงาน พร้อมอัปเดตเทรนด์เทคโนโลยีด้ านพลังงานเพื่อเพิ่มขี ดความสามารถในการดูแลระบบไฟฟ้า และถอดบทเรียนไฟฟ้าดับครั้งใหญ่ ที่สเปน เพื่อให้ประชาชนและผู้ใช้ไฟฟ้ าทุกภาคส่วนอุ่นใจไฟฟ้าไทยมั่ นคงเชื่อถือได้ตลอด 24 ชั่วโมง
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT) การไฟฟ้านครหลวง (MEA) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) จัดการประชุมคณะกรรมการปรับปรุ งความเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้า ครั้งที่ 54 (1/2568) โดยมีนายเสน่ห์ ตรีขันธ์ รองผู้ว่าการปฏิบัติการระบบส่ง EGAT ในฐานะประธานกรรมการ คณะกรรมการปรับปรุงความเชื่อถื อได้ของระบบไฟฟ้า ประจำปี 2568 นายพิพัฒน์ ชลอำไพ รองผู้ว่าการบริการระบบจำหน่าย MEA และ นายอุดมศักดิ์ เต็มวงษ์ รองผู้ว่าการปฏิบัติการระบบไฟฟ้ า PEA ในฐานะประธานร่วมฯ พร้อมคณะกรรมการ คณะทำงานและผู้เกี่ยวข้องจากทั้ ง 3 หน่วยงานเข้าร่วมประชุม เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 ณ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพมหานคร
นายเสน่ห์ ตรีขันธ์ รองผู้ว่าการปฏิบัติการระบบส่ง EGAT ในฐานะประธานกรรมการฯ กล่าวว่า ปัจจุบันระบบไฟฟ้าไทยกำลังเผชิ ญกับความท้าทายจากการเปลี่ ยนแปลงทางโครงสร้างพลังงาน รวมถึงการเพิ่มขึ้นของพลั งงานหมุนเวียนที่มีความผันผวนสู ง โดยเฉพาะในช่วงที่ประเทศไทยกำลั งเปลี่ยนผ่าน ไปสู่เทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้ าจากพลังงานหมุนเวียนอย่างเต็ มรูปแบบ ซึ่งเหตุการณ์ไฟดับครั้งใหญ่ที่ สเปนถือเป็นบทเรียนสำคัญที่สะท้ อนถึงความเปราะบางของโรงไฟฟ้ าพลังงานหมุนเวียน การถอดบทเรียนจากเหตุการณ์ดั งกล่าวจะเป็นแนวทางในการบริ หารจัดการระบบไฟฟ้าให้มีความมั่ นคง และเป็นสิ่งสำคัญที่ 3 การไฟฟ้าต้องประสานความร่วมมื อกันอย่างใกล้ชิดเพื่ อกำหนดแนวทางในการพัฒนาระบบไฟฟ้ าของประเทศให้มีความมั่นคง ยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพพร้ อมรับมือกับความท้าทายในอนาคต
นายพิพัฒน์ ชลอำไพ รองผู้ว่าการบริการระบบจำหน่าย MEA ในฐานะประธานร่วมฯ เปิดเผยว่า ผลกระทบจากภาวะโลกร้อนและการมุ่ งสู่ความเป็นกลางทางคาร์ บอนตามนโยบายภาครัฐ ทำให้พลังงานหมุนเวียนเข้ามามี บทบาทมากขึ้นในภาคการผลิตไฟฟ้า นอกจากนี้ความต้องการใช้ไฟฟ้ าภายในประเทศ ยังมีความต้องการเพิ่มสูงขึ้ นอย่างต่อเนื่องจากการเติ บโตของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และธุรกิจศูนย์ข้อมูล (Data Center) อาจส่งผลกระทบต่อความมั่ นคงระบบไฟฟ้า เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไฟฟ้าตก ไฟฟ้าดับ 3 การไฟฟ้าจึงต้องผสานความร่วมมื อเตรียมความพร้อมในการพัฒนาองค์ ความรู้แก่บุคลากร การแสวงหาและนำเทคโนโลยีที่ทั นสมัยมาใช้ในงานด้านต่างๆ เพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้ าที่เพิ่มขึ้นและการเปลี่ยนผ่ านด้านพลังงานที่อาจเกิดขึ้ นในอนาคต
นายอุดมศักดิ์ เต็มวงษ์ รองผู้ว่าการปฏิบัติการระบบไฟฟ้ า PEA ในฐานะประธานร่วมฯ เผยว่า การบูรณาการความร่วมมือด้ านความั่นคงระบบไฟฟ้าของ 3 การไฟฟ้าได้ดำเนินการมาอย่างต่ อเนื่อง เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมื อและแก้ปัญหาความมั่นคงระบบไฟฟ้ าร่วมกัน การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวี ยน ที่เพิ่มขึ้นถือเป็นความท้ าทายอย่างมากในระบบไฟฟ้า นอกจากนี้ ความมั่นคงปลอดภัยทางด้ านไซเบอร์ของเทคโนโลยี (Cyber Security) ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจส่ งผลกระทบต่อระบบไฟฟ้า โดยทั้ง 3 การไฟฟ้าต้องร่วมมือกันพั ฒนาและหาทางป้องกันการโจมตี ทางไซเบอร์ในทุกมิติ เพื่อไฟฟ้าไทย Strong Smart and Sustainable
สำหรับการประชุมครั้งนี้ 3 การไฟฟ้าได้บูรณาการความร่วมมื อกัน เพื่อเชื่อมโยงการดำเนิ นงานในการบริหารจัดการระบบไฟฟ้ าให้มีความมั่นคง เพียงพอ เชื่อถือได้และปลอดภัย โดยมีคณะทำงานทั้งหมด 8 คณะ ได้แก่ 1) คณะทำงานปรับปรุงระบบป้องกัน 2) คณะทำงานด้านมาตรฐานอุปกรณ์ และการบำรุงรักษา 3) คณะทำงานประเมินระดับความเชื่ อถือได้ของระบบไฟฟ้า 4) คณะทำงานด้านประชาสัมพันธ์ 5) คณะทำงานศึกษาและกำหนดค่าที่ เหมาะสมของ Power Quality 6) คณะทำงานความร่วมมือด้านสื่ อสารโทรคมนาคม 7) คณะทำงานความร่วมมือด้ านระบบไฟฟ้าแบบ Smart Grid และ 8) คณะทำงานรักษาความมั่นคงปลอดภั ยทางด้านไซเบอร์ของเทคโนโลยี ระบบปฏิบัติการ เพื่อให้ระบบไฟฟ้ามั่นคงในทุกมิ ติ นอกจากนั้นยังมุ่งให้ความสำคั ญกับการบริหารจัดการเชื้อเพลิ งให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ ไฟฟ้าของประเทศ ตลอดจนถอดบทเรียนเหตุการณ์ไฟฟ้ าดับประเทศสเปนเพื่อเตรียมการป้ องกันสำหรับประเทศไทย
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่