เศรษฐกิจ
สกนช. ชงทำแผนวิกฤติการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิงฉบับใหม่
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

สกนช. ชงทำแผนวิกฤติการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิงฉบับใหม่
สกนช. เล็งจัดทำแผนวิกฤติการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิง ฉบับใหม่ คาดทำแผนเสร็จปลายปีนี้ ระบุต้องทบทวนกรอบราคาจำหน่ายดีเซลใหม่
นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า สกนช. อยู่ระหว่างจัดทำแผนวิกฤติการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิงปี 2568-2572 เนื่องจากแผนวิกฤติฯ เดิมใช้มาตั้งแต่ปี 2563-2567 ซึ่งครบกำหนด 5 ปีที่ต้องทบทวนใหม่แล้ว โดยสาระสำคัญของแผนวิกฤติฯ ฉบับใหม่ดังกล่าวจะมุ่งเน้นการพิจารณาด้านความเหมาะสมของการนำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไปช่วยเหลือในสถานการณ์เกิดวิกฤติราคาพลังงาน
ดังนั้นจะต้องกำหนดก่อนว่าสถานการณ์ใดจะเข้าข่ายการเป็นวิกฤติด้านพลังงาน และกรอบการนำเงินกองทุนฯ ไปช่วยเหลืออย่างเหมาะสมควรอยู่ที่ระดับใด ซึ่งปัจจุบันแผนวิกฤติฯ จะยึดหลักเกณฑ์กรณีราคาน้ำมันโลกเกิน 5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อสัปดาห์ และราคาน้ำมันขายปลีกขยับขึ้นเกิน 1 บาทต่อสัปดาห์ ถือว่าเข้าข่ายเกิดวิกฤติราคาพลังงานที่กองทุนฯ สามารถเข้าไปรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันได้
โดยปัจจุบันยังยึดกรอบราคาจำหน่ายน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร แต่ขณะนี้ราคาปรับขึ้นไปอยู่ที่ 31.94 บาทต่อลิตร ตามสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นแผนวิกฤติฯ ฉบับใหม่จะต้องกลับมาทบทวนว่ากรอบราคาดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตรยังเหมาะสมกับสถานการณ์โลกปัจจุบันอยู่หรือไม่ และหากจะปรับเปลี่ยนควรกำหนดราคาที่เหมาะไหร่ เพื่อให้สอดคล้องกับการนำเงินกองทุนน้ำมันฯ ไปช่วยพยุงราคา
อย่างไรก็ตามการทำกรอบราคาดีเซลใหม่ จะมีการจัดทำกรอบราคาดีเซลที่หลากหลายแนวทาง โดยคำนึงถึงข้อดีและข้อเสียที่จะเกิดขึ้นกับความรู้สึกของประชาชน ภาวะเศรษฐกิจประเทศ และอัตราเงินเฟ้อ เป็นต้น ทั้งนี้ประชาชนจะเกิดความรู้สึกว่าราคาดีเซลแพงเมื่อขยับเกิน 30 บาทต่อลิตร แต่ที่ผ่านมาภาครัฐเคยขยับราคาไปสูงสุดถึง 35 บาทต่อลิตรในช่วงวิกฤติราคาพลังงานที่ผ่านมา ดังนั้นการกำหนดกรอบราคาใหม่จะพิจารณาปัจจัยหลายด้านประกอบกัน
นอกจากนี้จะมีการพิจารณาถึงราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) ว่าควรตรึงราคาไว้ที่ 423 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัมต่อไปหรือไม่ และการช่วยเหลือควรเลือกเฉพาะกลุ่มครัวเรือน หรือควรช่วยทุกกลุ่มเหมือนในปัจจุบัน ดังนั้นจะดูว่าแนวทางไหนที่จะเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันและฐานะเงินกองทุนฯ มากกว่ากัน
ทั้งนี้จากบทเรียนในช่วงวิกฤติราคาพลังงาน 3 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้กองทุนฯ เข้าไปพยุงราคาดีเซลและ LPG จนกองทุนฯ เป็นหนี้สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 1.3 แสนล้านบาท และต้องกู้เงินจากสถาบันการเงินถึง 105,333 ล้านบาท ดังนั้นจะต้องมีการทบทวนความเหมาะสมของการใช้เงินกองทุนฯ และการรักษาเสถียรภาพราคาพลังงานที่เหมาะสมมากขึ้น เนื่องจากตามกฎหมายกองทุนฯ จะสามารถมีเงินสะสมได้ไม่เกิน 4 หมื่นล้านบาท แต่ปัจจุบัน (ล่าสุด ณ วันที่13 ก.ค. 2568 ) กองทุนฯ ติดลบรวม -31,588 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามคาดว่าแผนวิกฤติฯ ฉบับใหม่นี้จะเสร็จประมาณปลายปี 2568 โดยจะต้องนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) พร้อมด้วยคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาตามขึ้นตอนก่อนจะประกาศใช้ต่อไป
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่